
เราอาจสงสัยว่าทำไมเราถึงคิดหรือทำอะไรแตกต่างจากคนอื่นๆ พฤติกรรมของแต่ละคนช่างซับซ้อน ไม่ชัดเจน จนบางครั้งทำให้รู้สึกว่ารอบๆ ตัวเรามีแต่คนงี่เง่า เข้าใจยาก น่ารำคาญ ทำไมเพื่อนร่วมงานบางคนถึงมาทำงานตรงเวลา ในขณะที่บางคนแทบจะไม่เคยมาทัน ทำไมเราถึงชอบคนนี้มากกว่าคนนั้น
ถ้าเราอยากมีอิสรภาพในการแสดงออก ถ้าอยากเป็นตัวของตัวเอง สิ่งที่เราต้องทำคือหาพื้นที่ส่วนตัวอยู่คนเดียว จะเสียงดังก็ไม่ได้รบกวนใคร จะอยู่เงียบๆ ก็ไม่มีใครหาว่าเป็นบ้า
อีกวิธีที่เราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ คือเมื่ออยู่กับคนประเภทเดียวกัน ตราบใดที่คนรอบข้างเป็นแบบเดียวกับเรา เข้าใจเรา มีความต้องการคล้ายกัน เราก็จะมีอิสระที่จะแสดงความเป็นตัวเองออกมาได้เต็มที่
แต่ในความเป็นจริงสถานการณ์ทั้งสองแบบนั้นเกิดขึ้นได้ยาก ส่วนใหญ่เรามักจะต้องอยู่กับผู้คนที่คิดและทำสิ่งที่แตกต่างจากเรา มีมุมมอง มีความต้องการแตกต่างจากเรา ดังนั้นเราจึงต้องเข้าใจว่าคนอื่นมองเรายังไง รู้ว่าคนอื่นๆ สื่อสารยังไง แสดงออกยังไง ทำตัวยังไง
เวลาที่เราพูดคุยกับใครก็ตาม เราอาจคิดไปเองว่าแต่ละคนที่ฟังเราจะได้รับสารที่เหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงเวลาที่เราพูด คำพูดนั้นจะถูกกลั่นกรองแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ประสบการณ์ แนวคิดที่รับรู้ไปก่อนหน้านั้น ความลำเอียง กรอบความคิด การศึกษา ทัศนคติ อารมณ์ความรู้สึกของผู้ฟังในขณะนั้น
ดูเหมือนว่าเราจะควบคุมอะไรไม่ได้เลย ความท้าทายของการสื่อสารคือการที่เราไม่สามารถเปลี่ยนวิธีการรับฟังของคนได้ เราไม่สามารถบังคับให้คนฟังเข้าใจสิ่งที่เราสื่อสารได้ ถึงแม้จะพยายามแต่มันก็ไม่เข้าหัวคนนั้น
แต่ข่าวดีคือเราสามารถเปลี่ยนวิธีการส่งสารเพื่อให้เหมาะสำหรับผู้ฟังแต่ละคนได้ ถ้าเรารู้ว่าคนนั้นมีบุคลิกภาพแบบไหน เราก็จะรู้ว่าควรต้องปรับวิธีการส่งสารยังไงเพื่อให้ผู้ฟังรับสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ คนเหล่านั้นไม่ได้เป็นคนงี่เง่า แต่เพราะเค้าคิดหรือทำแตกต่างจากเรา
เราช่วยให้คนฟังเข้าใจมากขึ้นโดยการสร้างพื้นที่สำหรับการสื่อสาร สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในแบบของคนฟัง คนฟังก็จะใช้พลังงานเพื่อทำความเข้าใจ แทนที่จะใช้มันตอบโต้ตอบสนองต่อสารที่เราต้องการจะสื่อ
เราต้องรู้จักปรับตัวในการพูดให้คนฟังที่แตกต่างจากเรา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์อะไร ไม่ว่าจะใช้วิธีการอะไรในการสื่อสาร ก็จะพบว่าเรามักจะเป็นคนส่วนน้อย คนส่วนใหญ่จะทำตัวแตกต่างจากเรา ดังนั้นเราไม่สามารถที่จะสื่อสารในแบบที่เราเป็น ในแบบที่เราชอบได้
การปรับวิธีการสื่อสาร ความสามารถในการเข้าใจสิ่งที่คนฟังต้องการเป็นสิ่งที่บอกว่าเราเป็นนักการสื่อสารที่ดี ถ้ารู้พฤติกรรม รู้วิธีการสื่อสารของคนอื่นๆ ก็จะทำให้เดาได้แม่นมากขึ้น ว่าคนนั้นจะตอบสนองต่อคำพูดของเรายังไงในแต่ละสถานการณ์
เราแต่ละคนมีพฤติกรรมการแสดงออกแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ และบุคลิกภาพก็มีผลต่อพฤติกรรมเช่นกัน ในหนังสือ Surrounded by Idiots ได้แบ่งบุคลิกภาพออกเป็น 4 แบบ เรียกว่า DISA ย่อมาจาก Dominance, Inducement, Submission และ Analytic สีที่ใช้แทนได้แก่ แดง เหลือง เขียว และน้ำเงิน
บางครั้งเราอาจจะเจอคนที่มีคุณสมบัติที่เราอยากเป็น เราอิจฉาคนเหล่านั้น คนที่เก่งในเรื่องที่เราไม่เอาไหน เช่น คนสีแดงที่มั่นใจตัดสินใจได้รวดเร็ว หรือบางทีเราอาจอยากเป็นแบบคนสีเหลืองที่เข้าไปคุยกับคนอื่นได้ง่าย
เราอาจอยากเป็นแบบเขียวที่อดทนไม่เครียดง่าย หรือบางทีเราอาจอยากเป็นแบบน้ำเงินที่มีระเบียบวินัย จัดการตารางเวลาได้ดี
หรือบางทีเราอาจพบว่าตัวเองเป็นสีแดงที่ทำตัวเจ้ากี้เจ้าการ บงการคนอื่นๆ ตลอดเวลา หรือบางทีเราอาจพูดมากเกินไป หรือเราทำตัวสบายๆ มากเกินไป ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใคร หรือเราสงสัยทุกอย่าง หรือมองเห็นความเสี่ยงในทุกๆ เรื่องแบบน้ำเงิน
สีแดง ช่วยหลีกทางให้ตัวพ่อตัวแม่
พฤติกรรมที่ในสมัย Hippocrates เรียกว่า Choleric คือคนที่ เร่งรีบ ทะเยอทะยาน มีพลังขับดัน มีพลังล้นเหลือ หัวร้อน ใช้อำนาจ
คนสีแดงเห็นได้ชัดเจน แบ่งแยกได้ง่ายๆ เพราะคนสีแดงไม่ชอบปกปิดว่าตัวเองเป็นแบบไหน
สีแดงปรับเปลี่ยนและไม่อยู่เฉย มีเป้าหมายในชีวิตที่คนสีอื่นๆ ไม่คิดว่าจะทำได้สำเร็จ เป้าหมายที่ทะเยอทะยาน แทบจะเป็นไปไม่ได้ แดงมุ่งไปข้างหน้า ผลักดันตัวเองหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่คิดท้อแท้ ไม่ยอมแพ้ เชื่อว่าความสามารถของตัวเองเป็นสิ่งที่ไร้ขอบเขต
แดงมั่นใจว่าตัวเองทำได้ทุกอย่าง ถ้าพยายามและมีเวลามากพอ
คนที่มีสีแดงในตัวอยู่เยอะมักจะให้ความสำคัญกับงาน แสดงออกให้เห็นชัดเจนว่าชอบความท้าทาย ชอบเสี่ยง ตัดสินใจเร็ว และไม่เคยเกี่ยงที่ต้องเป็นผู้นำ
สีแดงคือสีของผู้นำ คือคนที่สั่งการและอยู่แถวหน้า ไม่หยุดนิ่ง หาทางไปข้างหน้าแม้จะมีอุปสรรคขวางทาง เป็นทัศนคติที่เหมาะสำหรับการแข่งขันในทุกสถานการณ์ แดงชอบแข่งขัน ชอบเอาชนะ ถ้ามีโอกาสที่จะชนะได้ ก็ควรที่จะแข่งขัน
แดงคือคนที่พูดเสียงดัง ไม่ว่าจะพูดอธิบายเรื่องอะไรก็ตาม และก็จะเป็นคนแรกที่ตอบคำถาม คนที่จะแสดงความคิดเห็นต่อทุกเรื่อง เป็นคนที่ชอบตัดสิน
แดงอยู่นิ่งๆ ไม่เป็น อยู่เฉยคือเสียเวลา ชีวิตคนเรามันสั้น ควรต้องลงมือทำทันที
แดงจริงใจและกล้าแสดงออก เมื่อถูกถาม มักจะบอกไปตามที่คิด ไม่มีเหตุผลที่ต้องอ้อมค้อม คิดอะไรได้ ก็พูดออกมา ให้คนอื่นๆ รู้ทันที แดงมีความคิดเห็นต่อทุกเรื่อง ออกความเห็นอย่างที่มันเป็นจริงๆ
แดงสู้สุดใจ ในเวลาที่คนอื่นๆ ยอมแพ้ ถ้าได้ตั้งใจไว้แล้ว ก็ต้องทำให้สำเร็จ ถ้างานนั้นมีความสำคัญมากพอ แดงจะบุกน้ำลุยไฟทำให้สำเร็จ แต่ถ้ารู้สึกว่างานมันไร้สาระ ก็จะไม่สนใจ
คนสีแดงมักจะมองตัวเองว่าเป็นคนที่
- ไม่หยุดนิ่ง
- มีเป้าหมาย
- ทะเยอทะยาน
- ตัดสินใจเร็ว
- ชอบแข่งขัน
- พึ่งพาตัวเอง
- ลงมือทำทันที
- มุ่งมั่น
- เห็นค่าของเวลา
- โน้มน้าว
- ตั้งใจจริง
- เน้นผลลัพธ์
แดงชอบแข่งขัน ชอบเอาชนะ มีความสุขในช่วงเวลาที่เป็นผู้ชนะ ถึงแม้มันจะอยู่ในหัวของตัวเองคนเดียว อาจเป็นเรื่องเดินเร็วกว่าคนอื่นๆ ในถนนเดียวกัน ได้ที่จอดรถที่ดีที่สุด เล่นบอร์ดเกมเอาชนะเพื่อนคนอื่น ถึงแม้เกมจะออกแบบมาให้เด็กๆ เล่นสนุกๆ สำหรับแดงแล้วต้องชนะเท่านั้นถึงจะพอใจ
ได้ดูหนังที่เพิ่งเข้าโรงก่อนเพื่อน อ่านหนังสือจบเร็วกว่าเพื่อน ในขณะที่คนอื่นๆ ผ่อนคลาย แดงจะทำให้มันเป็นเรื่องแข่งขัน
พฤติกรรมเอาจริงเอาจังและชอบแข่งขันเอาชนะของแดง มักจะทำให้คนอื่นเครียด เพราะแดงมันจะสนใจแต่เอาชนะคนอื่น ทำให้คนอื่นๆ ต่ำลง แดงต้องการเพียงแค่เอาชนะก็พอ
สำหรับแดงแล้ว เร็วคือดี ยิ่งเร็วยิ่งดี แดงคิดเร็ว และลงมือทำเร็วก่อนคนอื่นๆ ไม่มีอะไรที่น่ารำคาญมากไปกว่าความเชื่องช้า ถ้าประชุมยาวเรื่อยๆ ไม่หยุด แดงจะต้องขัดและถามว่าจำเป็นไหมที่ต้องประชุมต่อไป นี่เราคุยเรื่องเดิมกันมาตั้ง 20 นาทีแล้วนะ
แดงจะต้องทำให้ทุกอย่างมันไปเร็วๆ จะได้ทำอย่างอื่นต่อไป สำหรับแดง ถ้าไม่ผลักดันตัวเองจนสุด ก็เหมือนกับเราไม่ได้พยายามมากพอ แดงชอบงานยากๆ เพราะจะทำให้เรียนรู้เพิ่มความสามารถไร้ขอบเขต สามารถจัดการสถานการณ์ยากๆ ได้ดี
สำหรับแดง อะไรก็ตามที่ต่ำกว่าเป็นไปไม่ได้ ถือว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ มันแค่ต้องใช้เวลามากเท่านั้น
ไม่มีใครจะทำงานหนักเท่าแดง ทะเยอทะยานคือธรรมชาติของแดง แดงไม่มีปัญหาในการเป็นผู้นำ ไม่เคยกลัว สำหรับแดง อำนาจไม่ได้เป็นสิ่งสุดท้ายที่ต้องการ อำนาจเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้ตัดสินใจง่าย เพราะไม่ต้องรอคอยคนอื่น
แดงไม่สนใจว่าคนอื่นคิดยังไง แดงไม่ได้มาเพื่อเอาใจใคร แดงมาเพื่อตัวเอง
แดงทุ่มเทเต็มที่กับงาน หากมีอะไรที่ต้องออกความเห็น หรือหากต้องการให้คนอื่นๆ เห็นด้วยกับแดง ก็จะพยายามจนถึงที่สุด
แดงเป็นคนที่ชอบเสนอไอเดียใหม่ๆ และตั้งใจทำจริง แดงสนใจแต่ผลลัพธ์ ไม่สนวิธีการ ตัดสินใจได้เร็ว สิ่งที่ยากไม่ใช่สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
แดงไม่กลัวที่จะต้องตัดสินใจ ไม่ลังเล ไม่คิดมาก ไม่ชั่งน้ำหนัก ความกลัวที่จะเสี่ยง แดงตัดสินใจได้ทันที ความตั้งใจของแดงนั้นยากที่จะหยุดได้ เมื่อไหร่ที่ตัดสินใจ ก็จะเต็มที่
จุดเด่นของแดงอยู่ที่การสื่อสารที่ชัดเจน คิดเร็ว และไม่ลังเลที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการ บางคนอาจมองการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องเครียด แต่สำหรับแดง เปลี่ยนได้ก็จะเปลี่ยน
แดงเบื่อกับความธรรมดา ก็เลยต้องเปลี่ยนแปลงมัน จนคนรอบๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรชึ้น เมื่อคนอื่นชินและคุ้นเคยกับระบบ แดงก็จะเปลี่ยนแปลงมัน
สีเหลือง ช่วยดึงเค้ากลับมาสู่โลกความจริง
ในสมัย Hippocrates คนแบบเหลืองเรียกว่า Sanguine คือคนที่มองโลกในแง่ดี มีกำลังใจดี มองโลกในด้านดี คนที่มาพร้อมกับความเป็นไปได้ คนที่ใช้ชีวิตอยู่เพื่อใช้ชีวิต มักจะหาโอกาสสำหรับความสนุก ชีวิตคือการฉลอง
เหลืองมองเห็นความสุขในทุกๆ เรื่อง ขับเคลื่อนด้วยเสียงหัวเราะและความสนุก มองเห็นวันฟ้าใส แม้ในวันที่มืดมน แต่ก็ยังมองว่ามันต้องมีแสงแดดอยู่สักที่หนึ่ง
เหลืองคือคนที่หัวเราะได้ถึงแม้จะไม่ได้มีข่าวดีอะไรเลย คือคนที่ให้ความบันเทิง เป็นศูนย์กลางของคนอื่นๆ ในงานเลี้ยง เหลืองทำให้ทุกคนหัวเราะ
เหลืองคือคนที่พูดตลอดเวลา คือคนที่ตอบคำถามที่แม้จะไม่มีคนถาม
เหลืองเหมือนกับแดงที่ตัดสนใจเร็ว แต่อธิบายเหตุผลของการตัดสินใจไม่ได้ มันแค่รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ เหลืองมักจะตัดสินใจจากความรู้สึก สัญชาติญาณของเหลืองนั้นแม่นยำ ไม่อาจมองข้ามได้
เหลืองเข้ากับคนอื่นได้ง่าย เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน มีความสามารถที่จะเข้ากับคนอื่นได้ดี ถึงแม้จะเป็นครั้งแรกที่พบกัน เป็นคนที่มีอะไรบันเทิงตลอดเวลา พูดเรื่องสนุกๆ ตลอดเวลา
ถ้าเราบอกว่าวันนี้ฝนน่าจะตก เหลืองก็จะบอกว่าไม่น่าตก ถ้าเรามองออกไปนอกหน้าต่างชี้ไปที่ฟ้ามืดๆ บอกว่าเดี๋ยวฟ้าก็ร้อง แต่เหลืองก็จะบอกว่า อืม แต่หลังจากนั้นแดดก็จะออกป่ะ แค่รอหน่อย
เหลืองมองเห็นความสดใสในทุกๆ ที่ หัวเราะได้ในทุกสถานการณ์ และเพราะเสียงหัวเราะมันติดต่อกันได้ พฤติกรรมของเหลืองจึงติดต่อกันได้
เหลืองไม่กลัวที่จะเปิดเผยความรู้สึกให้กับคนอื่น แม้ว่าคนนั้นจะเพิ่งรู้จักกันก็ตาม เหลืองพูดคุยได้กับทุกคน เหลืองไม่อาย สบายใจที่จะคุยกับคนแปลกหน้า เพราะมองว่าคนนั้นก็แค่เพื่อนที่เรายังไม่ได้รู้จัก
หลายคนอาจสังเกตว่าเหลืองมักจะยิ้มหรือหัวเราะตลอดเวลา นั่นเพราะจุดเด่นของเหลือง ความสามารถในการคิดบวกมองโลกในแง่ดี ที่มีมากกว่าใคร
คล้ายกับแดง เหลืองมีพลังเยอะมาก มักจะมองหาสิ่งที่น่าสนใจทำอยู่เสมอ เหลืองคือคนที่ชอบสงสัย ชอบอะไรใหม่ๆ พลังงานของเหลืองมีไว้หาเรื่องใหม่ๆ ทำ
คนสีเหลืองมักจะมองตัวเองว่าเป็นคนที่
- กระตือรือร้น
- มีเสน่ห์
- ชอบออกข้างนอก
- เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น
- มองโลกในแง่ดี
- ยืดหยุ่น
- เปิดเผย
- คิดสร้างสรรค์
- ลงมือทำทันที
- จูงใจให้คนคล้อยตาม
- เข้ากับคนง่าย
- ชอบพูด
สิ่งสำคัญสำหรับเหลืองคือการที่มองโลกในแง่ดีและกระตือรือร้น สิ่งสำคัญสำหรับเหลืองคือแสวงหาโอกาส หาแนวทางแก้ไขปัญหา
เหลืองคือคนที่มองโลกในแง่ดี ปัญหาที่อยู่ตรงหน้ามันจะไม่ใช่ปัญหาตลอดไป มันไม่ใช่ปัญหาจริงๆ เดี๋ยวมันก็แก้ไขได้ การมองโลกในแง่ดีของเหลืองช่วยให้คนอื่นมีความสุขมีกำลังใจและสนุก เหลืองจะไม่ปล่อยให้ใครทุกข์
เหลืองคิดบวกและมีความสุข เหลืองทำให้ความสุขนั้นติดต่อไปยังคนอื่นๆ รอบๆ ตัว ใครจะเครียดได้ลงเมื่อมีคนแบบเหลืองคอยให้ความบันเทิง และทำให้รู้สึกดีๆ ตลอดเวลา
คงไม่มีใครที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ได้ดีเท่าเหลือง เหลืองมองเห็นทางออกได้เร็วกว่าใคร มองเห็นทางแก้ไขปัญหาที่คนอื่นมองไม่เห็น เหลืองมีความสามารถพิเศษที่จะหักมุมและเปลี่ยนสถานการณ์ให้กลายเป็นดีได้ เหลืองคิดนอกกรอบ คิดกลับด้าน
แต่การที่เหลืองคิดเร็ว ทำเร็วกว่าใคร อาจทำให้คนอื่นๆ ตามไม่ทัน จนบางครั้งเหลืองไม่สามารถหยุดเพื่ออธิบายไอเดียใหม่ๆ นั้นได้
เหลืองไม่กลัวที่จะลองอะไรใหม่ๆ เหลืองต้องคิดไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ เหลืองไม่กลัวที่จะทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ในตอนที่เกิดความคิดสร้างสรรค์ เหลืองจะไม่ค่อยคิดถึงระบบระเบียบโครงสร้าง
เหลืองคือคนที่เราต้องการในเวลาที่อยากได้ไอเดียหรือคำแนะนำใหม่ๆ หากเราติดอยู่กับกรอบความคิดเดิมๆ ก็ต้องการคนอย่างเหลืองช่วยคิดในมุมมองใหม่ๆ
เหลืองคือคนที่จูงใจให้คนอื่นคล้อยตาม เหลืองมองเห็นโอกาสที่คนอื่นๆ มองไม่ทันเห็น
เหลืองมีวิธีการแสดงออกให้คนฟังคล้อยตาม เหลืองให้ความสนใจคนอื่นๆ เหลืองพูดและทำให้คนอื่นๆ รู้สึกว่าตัวองเป็นคนสำคัญ
คุณสมบัติของเหลืองคือการชักจูงใจคนรอบๆ ข้าง โดยการสร้างความสัมพันธ์ เหลืองรู้ว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าลูกค้าไม่ได้รู้สึกชอบเรา มันก็ยากที่จะสื่อสารให้เข้าใจ
เหลืองรู้จักทุกคน เป็นเพื่อนกับคนทุกคน ชอบทุกคน เหลืองไม่จำเป็นต้องรู้จักคนนั้นดีก่อนที่จะบอกว่าเป็นเพื่อนกัน ใครก็ตามที่ไม่ได้รังเกียจเหลือง เหลืองก็จะมองว่าเป็นเพื่อนกัน
สีเขียว การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยาก
คนส่วนใหญ่มักจะเป็นสีเขียว เราจะพบเขียวได้ในทุกที่ ทุกสถานการณ์ เพราะเขียวคือคนทั่วไป อยู่ตรงกลางระหว่างสีอื่นๆ
ในขณะที่แดงมองหาประสิทธิภาพของการทำงาน เหลืองคือคนที่คิดสร้างสรรค์ น้ำเงินคือคนที่สมบูรณ์แบบ เขียวจะเป็นคนที่อยู่ตรงกลาง คนที่มีความสมดุล ไม่ได้มีพฤติกรรมของสีใดๆ ที่โดดเด่น
ในสมัย Hippocrates เรียกคนแบบเขียวว่า Phlegmatic ชาว Aztec เรียกคนแบบเขียวว่าธาตุดิน คือคนที่ไม่เร่งรีบ ใช้ชีวิตง่ายๆ
ไม่มีใครที่ควรจะทำตัวสุดโต่ง ถ้ามีแต่คนแบบแดงเป็นผู้นำ เราก็จะไม่เหลือให้ใครเป็นผู้ตาม ถ้าทุกคนทำตัวสร้างความบันเทิงแบบเหลือง ก็จะไม่มีใครที่จะคอยยิ้มหรือหัวเราะให้กับมุก และถ้าทุกคนใส่ใจรายละเอียดเอาให้สมบูรณ์แบบ ก็จะไม่เหลืออะไรให้เราจัดระเบียบ
เขียวไม่ทำตัวแบบสีอื่นๆ และมักจะไม่กังวล ในขณะที่แดงและเหลืองออกตัวด้วยความเร็ว เขียวคือคนที่สงบ และถ้าน้ำเงินมัวแต่สนใจรายละเอียดยิบย่อย เขียวก็เข้าใจในความจำเป็นที่ต้องทำให้ถูกต้อง
ถ้าเรามีเพื่อนเป็นเขียว เค้าคนนั้นจะไม่ลืมวันเกิดเราแน่ๆ จะยินดีกับความสำเร็จของเราเสมอ จะไม่พยายามทำตัวเด่นแข่งกับเรา จะไม่แข่งขันกับเราเอาชนะเรา จะไม่เซ้าซี้ขอร้องให้เราทำโน่นนี่ เขียวจะไม่ออกคำสั่งเว้นแต่ในคราวจำเป็นหรือมีคนบอกให้ทำ
เขียวไม่ได้กระตือรือร้นเท่าแดง ไม่ใช่คนที่หาทางออกได้เก่งเท่าเหลือง และไม่มีระเบียบวินัยเท่าน้ำเงิน เขียวคือพฤติกรรมของคนทั่วๆ ไป
นั่นทำให้เขียวเป็นคนที่เข้าหาง่าย เพราะเขียวจะทำให้เราเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด เขียวไม่ได้ต้องการอะไรจากเรามาก
เด็กที่มีสีเขียวคือลูกรักที่พ่อแม่ต้องการ คือเด็กที่กินในเวลาที่ควรกิน นอนในเวลาที่ควรนอน และทำการบ้านโดยที่ไม่ต้องคอยบอก
ถ้าเป็นไปได้เขียวจะไม่ทำร้ายจิตใจใคร จะไม่พูดเรื่องร้ายลับหลังเจ้านาย เขียวมักจะพยายามทำตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ปรับตัวเองให้เข้ากับคนอื่น คือคนที่จะทำให้เหลืองสงบจิตใจ ในยามที่น้ำเงินจิตใจเย็นชา เขียวคือคนที่จะสร้างความอบอุ่นใจให้
เขียวคือคนที่อดทนต่อพฤติกรรมของคนสีอื่นๆ เขียวคือคนที่ใจดี เราคาดหวังความช่วยเหลือจากเขียวในยามจำเป็นได้ เขียวคือคนที่จะทำทุกอย่างเพื่อรักษาน้ำใจ รักษาความสัมพันธ์อันดีเอาไว้
เขียวคือผู้ฟังที่ดีที่สุด เขียวสนใจในตัวคนอื่นมากกว่าตัวเอง ชอบช่วยเหลือคนอื่นๆ โดยไม่ได้คาดหวังสิ่งตอบแทน
เขียวคือคนที่ทำงานเป็นทีมได้ดี ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว กลุ่มเพื่อน ในสังคมที่มีเขียว ก็จะเป็นสังคมที่ห่วงใยความเป็นอยู่ของคนป่วย คนอ่อนแอ จะไม่ยอมทิ้งให้ใครอดอยาก
การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เขียวทำได้ไม่ดี แต่ถ้าเราอธิบายได้ชัดเจน และให้เวลาเขียวมากพอ เขียวก็จะเตรียมตัวรับมือกับสิ่งใหม่ ลองทำสิ่งใหม่ๆ ได้
คนสีเขียวมักจะมองตัวเองว่าเป็นคนที่
- เป็นมิตรกับทุกคน
- จิตใจสงบ
- พึ่งพาได้
- ชอบคิดพิจารณา
- อยู่สบายๆ
- มีความอดทน
- เดาทางง่าย
- มั่นคง
- ทำงานเป็นทีม
- ระมัดระวัง
- เจ้าความคิด
- เป็นผู้ฟังที่ดี
คล้ายกับเหลือง เขียวจะให้ความสำคัญกับเรื่องความสัมพันธ์ เรื่องของคนอื่นๆ
ไปกินข้าวด้วยกัน เขียวจะเป็นคนที่เติมน้ำให้กับทุกคน ในขณะที่คนอื่นๆ ถือแก้วเปล่าไปเติมน้ำ เขียวจะถือเหยือกน้ำมาเติมให้เพื่อนๆ ทุกคน
เขียวต้องการที่จะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับทุกคน ดังนั้นเขียวจึงช่วยเหลือทุกคนไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม
เขียวคิดในทางที่ดีกับทุกคน คิดดีกับทุกคน และเชื่อในความสามารถของทุกคน เขียวมีจิตใจดี จนบางคนอาจหาทางเอาเปรียบได้
เมื่อไหร่ที่เขียวบอกจะทำ เราก็มั่นใจได้เลยว่าเขียวจะทำมันจนสำเร็จ ถ้าเขียวบอกว่าจะทำ เราก็มั่นใจได้เลยว่าเขียวจะทำมัน ถ้าเป็นสิ่งที่ทำได้ มันอาจไม่ได้เสร็จเร็วมาก แต่มันจะเสร็จในเวลาที่เขียวบอกไว้แน่นอน
เขียวไม่ชอบที่จะทำผิดพลาด เขียวทำเพื่อทีม จึงไม่อยากทำอะไรที่สร้างปัญหาให้กับทีม ทีมมาก่อนตัวเอง ไม่ว่าทีมนั้นจะเป็นครอบครัว บริษัท หรือกลุ่มเพื่อน
เขียวไม่ชอบความขัดแย้ง เพราะเขียวคำนึงถึงเรื่องที่จะต้องทำให้คนอื่นๆ พอใจ
เขียวไม่มีปัญหาที่จะทำตามคำสั่ง ถ้ามันเป็นคำสั่งที่คิดมาดีแล้ว เขียวให้ความสำคัญกับความมั่นคงในชีวิต และชอบบรรยากาศการทำงานที่คุ้นเคย คาดเดาได้
เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดปัญหา เราก็จะเห็นพฤติกรรมของคนสีต่างๆ แดงที่ไม่เคยฟังข้อความให้จบก่อน แต่ลงมือทำเลย เหลืองก็จะเริ่มพูดถึงว่าใครต้องทำอะไร น้ำเงินก็จะนั่งและคิดหาคำถามที่ไม่มีใครจะตอบได้
สำหรับเขียว ทีมจะมาก่อนเสมอ เป็นความจริงของเขียว เขียวทิ้งความต้องการของตัวเองเพื่อทีม ถ้าทีมรู้สึกดี คนในทีมก็ต้องรู้สึกดีตามไปด้วย
บางคนมองว่าเขียวเป็น Introvert คือคนที่ชอบคิดในโลกของตัวเอง ทำให้เขียวไม่พูดเพียงเพราะพูดได้ เขียวชอบที่จะฟัง ให้ความสนใจไอเดียของคนอื่นๆ
ต่างจากแดง ที่ฟังก็ต่อเมื่อคาดหวังบางอย่าง เหลืองคือคนที่ไม่ฟังเลย ส่วนเขียวนั้นฟังและได้ยินสิ่งที่เราพูด เขียวมีหูพิเศษสำหรับรับฟังปัญหา เขียวอาจไม่ได้เสนอหรือแนะนำทางแก้ปัญหา แต่เขียวจะเข้าใจสิ่งที่เราบอก
สีน้ำเงิน ความสมบูรณ์แบบต้องมา
สีน้ำเงินคอยเช็คสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ในขณะที่เขียวปล่อยชีวิตไปตามกระแส น้ำเงินจะมีคำตอบที่ถูกต้อง เบื้องหลังคือการวิเคราะห์ จัดประเภท ประเมิน
น้ำเงินคือคนที่จะเอาของกลับเข้าที่เดิมให้กลับสู่ระเบียบเสมอ
น้ำเงินมองโลกเผื่อกรณีที่เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ เป็นคนที่มองโลกตามจริง มองเห็นความผิดพลาด มองเห็นความเสี่ยง ควบคุมอารมณ์ได้ดี ไม่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ทันที แต่คิดวิเคราะห์รายละเอียดอย่างรอบคอบก่อนจะออกความเห็น
น้ำเงินรู้ทุกอย่างก่อนที่จะพูดอะไรออกมา ไป Google มาก่อนแล้ว อ่านคู่มือมาแล้ว ก่อนที่จะนำเสนอข้อมูลได้ละเอียดครบถ้วน
แต่ถึงแม้จะรู้เยอะ น้ำเงินก็จะไม่ได้พูด ไม่จำเป็นต้องพูดบอกอะไรให้ใครรู้ น้ำเงินไม่ได้รู้ทุกอย่าง แต่ก็เป็นคนที่รู้เยอะและมักจะเป็นคนที่พูดถูก ให้ข้อมูลที่ถูกต้องเสมอ
คนสีน้ำเงินมักจะมองว่าตัวเองเป็นคนที่
- มีข้อมูลเชื่อถือได้
- ระมัดระวัง
- มีข้อมูลที่ความถูกต้อง
- ใส่ใจรายละเอียด
- คิดมีเหตุผล
- เน้นวิธีการ
- มีระเบียบ
- ใส่ใจในคุณภาพ
- ไตร่ตรองให้ดี
- ทำงานเป็นระบบ
- พินิจพิเคราะห์ข้อความถี่ถ้วน
- ไม่นึกเดาเอาเอง
น้ำเงินรู้ดีที่สุด แต่น้ำเงินอาจไม่รู้ภาพรวม ทำให้มักจะไม่ลงมือทำทันที รู้แต่อาจจะไม่บอกคนอื่น
เมื่อไหร่ที่ทำงานได้สำเร็จก็ไม่จำเป็นต้องชื่นชมน้ำเงินมากเป็นพิเศษ น้ำเงินอาจจะแค่ยอมรับและกลับไปนั่งโต๊ะก้มหน้าทำงานต่อไป เพราะมันก็แค่ทำงานในส่วนของตัวเอง
บางครั้งน้ำเงินอาจไม่กล้าที่จะเริ่มต้น เพราะว่ายังคงประเมินความเสี่ยง ข้อดีคือจะไม่ได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด อย่างที่คนอื่นเป็น และในระยะยาวมันจะช่วยลดเวลาได้มาก
น้ำเงินไม่ยอมให้ความผิดพลาดเกิดขึ้น คุณภาพเป็นเรื่องต้องใส่ใจ ทุกอย่างต้องได้รับการตรวจสอบก่อน
น้ำเงินมีวิธีการที่จะต้องถาม 5 ครั้ง เพื่อมั่นใจว่าสิ่งนั้นมันจะได้คุณภาพตามต้องการ ถ้ามีคนพบว่ามีน้ำมันเลอะพื้น สีแดงจะบ่นกับคนใกล้ตัวและสั่งให้ทำความสะอาดพื้นซะ เหลืองอาจจะมองข้ามพื้นที่เลอะและลืมมันไป จนกระทั่งเหยียบพื้นลื่นล้ม เขียวก็จะมองเห็นพื้นเลอะและรู้สึกแย่เพราะมันหมายถึงมีปัญหาและคนอื่นๆ ไม่สนใจ
น้ำเงินจะต้องถามว่าทำไมถึงมีน้ำมันเลอะพื้น คำตอบที่ได้อาจเพราะปะเก็นรั่ว น้ำเงินก็จะถามต่อว่าทำไมมันถึงรั่วได้ เพราะปะเก็นคุณภาพต่ำหรือเปล่า ทำไมเราถึงได้มีปะเก็นคุณภาพต่ำอยู่ในโรงงาน เพราะแผนกจัดซื้อต้องการประหยัดงบ?
สุดท้ายแล้ววิธีจัดการปัญหาอาจเป็นการทบทวนกลยุทธิ์การจัดซื้อแทนที่จะแค่ทำความสะอาดพื้นที่เลอะน้ำมัน น้ำเงินเตรียมใจที่จะลงลึกในทุกอย่าง เพื่อให้มันถูกต้อง 100%
น้ำเงินมักจะบอกว่า ถ้าจะทำอะไร ก็ต้องทำให้ถูกต้อง ถ้างานนั้นไม่ควรค่าที่จะทำให้ดี เราก็ไม่ควรทำมันเลย น้ำเงินโกหกไม่เป็น มักจะชี้ไปที่ความผิดพลาดที่พบ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่คนอื่นๆ มองข้าม
การคิดแบบมีเหตุผลจำเป็นสำหรับน้ำเงิน คงไม่มีใครปิดกั้นไม่ใช้ความรู้สึกได้สมบูรณ์ แต่น้ำเงินมักจะบอกว่าตัวเองใช้เหตุผลในการตัดสินใจ
น้ำเงินให้ความสำคัญกับการคิดแบบมีเหตุผลมาก บางครั้งอาจเครียดเมื่อสิ่งต่างๆ มันไม่เป็นไปตามที่คิดไว้
น้อยคนที่จะทำงานเดิมๆ ทำแล้วทำอีกได้อย่างน้ำเงิน น้ำเงินมีความสามารถที่จะทำตามลำดับขั้นตอนโดยที่ไม่ถามอะไร
น้ำเงินทำได้โดยไม่เบื่อ ถ้าวิธีการนี้มันใช้ได้ผลดี ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเปลี่ยนมัน ในขณะที่เหลืองกับแดงอยากหาวิธีใหม่ๆ เพราะของเดิมมันน่าเบื่อ น้ำเงินจะยังคงทำแบบเดิมต่อไป
น้ำเงินจะอ่านคู่มือ ทำตามคำสั่ง ตรวจสอบทุกอย่าง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างมันลงตัว ไม่มากหรือน้อยเกินไป ทำตามคู่มือทุกขั้นตอน อ่านคู่มือเพราะมันมีเหตุผลของการมีอยู่ของคู่มือ ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการให้คนอ่านแล้วเค้าจะเขียนไปเพื่อ?
น้ำเงินจะเป็นคนที่หยุดรถรอไฟแดง ถึงแม้ว่าเค้าจะขับรถเวลากลางคืนอยู่คนเดียวในรัศมี 10 กิโลเมตร เพียงเพราะว่านั่นคือวิธีการที่ถูกต้อง น้ำเงินจะไม่หลงกลง่ายๆ จะต้องตรวจสอบทุกอย่าง
น้ำเงินมักจะเงียบ แต่ไม่ใช่เพราะน้ำเงินไม่มีอะไรจะพูด แต่เป็นเพราะว่าครุ่นคิดอยู่ภายใน น้ำเงินสงบ มีอารมณ์ที่มั่นคง ชาว Aztec มองน้ำเงินเป็นดั่งทะเลที่สงบ ภายนอกเงียบ แต่ภายในนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้
เราควรจะรับฟังสิ่งที่น้ำเงินอยากจะบอก เพราะก่อนที่น้ำเงินจะพูดอะไรออกมา ก็มักจะคิดพิจารณาเป็นอย่างดี
ที่น้ำเงินเงียบ เป็นเพราะไม่มีความจำเป็นที่ต้องพูดอะไรออกมา นั่งอยู่ในมุมที่ไม่มีใครมองเห็น น้ำเงินคิดว่าตัวเองเป็นคนเฝ้าสังเกตการณ์ ไม่ได้เป็นศูนย์กลาง แค่ทำหน้าที่คอยสังเกตุและบันทึกข้อมูลอยู่ห่าง
ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ
แดงคิดเร็วและอยากที่จะลุยทันที มักจะทำ อยากจะสร้างสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้น แต่ก็มักจะถูกมองว่าเป็นคนชอบบงการและทำงานด้วยยาก แดงมักจะเหยียบเท้าคนอื่นๆ อยู่เสมอ
เหลืองเองก็สนุกสนานตลอดเวลา คิดสร้างสรรค์ และช่วยให้คนที่อยู่ด้วยอารมณ์ดีขึ้นได้ แต่ถ้าปล่อยให้เหลืองพูด เหลืองก็จะพูดอยู่คนเดียว ใช้ออกซิเจนในห้องนั้นจนหมด ไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นๆ ได้พูด
เขียวที่ไปไหนกับใครได้ง่าย เพราะเป็นคนที่สบายๆ และคอยเป็นห่วงใยคนอื่นๆ แต่เขียวก็มักจะลังเล ไม่กล้าตัดสินใจเริ่มทำอะไร กลายเป็นคนที่ไม่มีจุดยืน
น้ำเงินนั้นสงบ คิดก่อนพูดเสมอ ใส่ใจคุณภาพของงาน แต่ความที่ชอบสงสัย ชอบถามของน้ำเงินก็อาจทำให้มีปัญหากับคนรอบข้างได้
บางคนอาจจะมองว่าแดงเป็นคนที่หยิ่ง มีอีโก้สูง ไม่มีความอดทน ก้าวร้าว และชอบบงการ แต่นั่นอาจไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด
แดงเป็นคนที่มักจะแหกกฎ แดงรู้ดีว่ามันมีข้อห้าม แต่ถ้ามันเป็นวิธีที่เร็วกว่า แดงก็จะทำมัน แดงมองว่าถ้ามันช่วยให้งานสำเร็จ ถึงต้องใช้ทางลัดก็ต้องทำมัน
ไม่มีระบบไหนที่สมบูรณ์แบบ มันมักจะมีข้อจำกัดอยู่ การจัดประเภทคนออกเป็น 4 แบบนั้นเป็นเพียงจิ๊กซอว์หนึ่งของชีวิต มันเป็นสิ่งสำคัญ แต่มันไม่ได้บอกภาพรวมของคน
ไม่มีพฤติกรรมใดที่ถูกต้องหรือผิด ไม่ได้มีพฤติกรรมที่เหมาะสมกว่าแบบอื่น เราแต่ละคนต่างเป็นตัวของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องสงสัยว่าทำไมเราเป็นแบบนี้ได้ยังไง ไม่ว่าเราจะป็นแบบไหน แสดงออกยังไง ไม่ว่าคนอื่นจะมองยังไง มันก็ดีอยู่แล้ว ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ
หลังจากที่เข้าใจพื้นฐานของแต่ละสีแล้ว ก็ต้องพยายามปรับคลื่นความถี่ให้ตรงกัน ทำให้เค้ารู้สึกว่าเราเข้าใจ ทำให้เค้าเชื่อใจเรา ไว้วางใจเรา เค้าจะเห็นตัวเองอยู่ในตัวเรา ทำให้คนนั้นกลายเป็นพวกเดียวกับเรา
หลังจากนั้นจึงเริ่มนำทางให้คนๆ นั้นอยู่ให้ห่างไกลจากหลุมพลาง อย่างที่เราเห็น แต่ละสีต่างก็มีข้อบกพร่อง น้ำเงินอาจช่วยให้เหลืองกลับเข้าสู่ความจริง เหลืองก็อาจช่วยให้น้ำเงินลดความเคร่งเครียดให้น้อยลงหน่อย และรู้จักเร่งความเร็วบ้าง
มันคือการพบกันอยู่ตรงกลาง
1 Comment