
เคยนึกเสียใจไหมที่บางครั้งเราไม่ได้พูดบางอย่างออกไป แล้วมันทำให้เราเสียโอกาส หรือบางครั้งเราพูดบางอย่างออกไปแล้วทำให้เกิดความเสียหาย เราแต่ละคนจะมีขอบเขตที่เหมาะสมที่จะแสดงออกได้ ถ้าเราแสดงออกในขอบเขตนั้น มันก็จะเกิดผลดี แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราแสดงออกล้ำขอบเขตนั้น มันก็จะทำให้เราเสียโอกาส ในบางครั้งเราก็ไม่กล้าแสดงออก แต่ในบางครั้งเราก็แสดงออกมากเกินไป ถ้าเราไม่พูด ก็จะไม่มีใครสนใจเรา แต่ถ้าเราพูดออกไป เราก็โดนลงโทษ
Adam Galinsky นักจิตแพทย์ แนะนำวิธีที่จะช่วยให้เราปรับปรุงทักษะเพื่อขยายขอบเขตการแสดงออกของเราได้ คนที่มีอำนาจมักจะมีขอบเขตที่กว้างกว่าคนที่ไม่มีอำนาจ เช่น คนที่เป็นหัวหน้าสามารถพูดได้โดยที่ยังมีคนฟังเสมอ และถึงแม้จะนิ่งเงียบคนอื่นก็ยังต้องเกรงใจ และไม่มองข้าม ตรงข้ามกับลูกน้องที่มีอำนาจน้อยกว่า ถ้าไม่พูดก็จะถูกมองข้ามและไม่มีใครสนใจ แต่ถ้าพูดมาก คนอื่นก็จะไม่ชอบ
ขอบเขตการแสดงออกที่ยอมรับได้
การรู้จักกาลเทศะ รู้ว่าเวลาไหนเราควรพูด และเวลาไหนที่เราควรเงียบ เป็นทักษะเฉพาะบุคคลที่สำคัญ เราควรจะแย้งไหมเวลาที่เจ้านายตัดสินใจผิด หรือเราควรจะตอบโต้ไหมตอนที่เพื่อนร่วมงานล้อ หรือล้ำเส้นเรา ขอบเขตการแสดงออกที่ยอมรับได้ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ถ้าเราแสดงออกในขอบเขตที่เราสามารถทำได้ สถานการณ์มันจะออกมาดี ได้ผลลัพธ์ตามที่เราต้องการ แต่ถ้าเราทำในสิ่งที่มันอยู่นอกเหนือจากขอบเขตที่ยอมรับได้ คนอื่นๆ ก็จะไม่สนใจเรา หรือไม่ชอบเรา
ขอบเขตการแสดงออกของเราแต่ละคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เราขยายมันออกหรือทำให้แคบลงได้ แตกต่างกันในแต่ละสถานการณ์ เช่น ถ้าในตอนที่เราเป็นหัวหน้า เราก็จะใช้อำนาจ ขอบเขตนั้นมันจะขยายออกไป แต่ถ้าเราเป็นลูกน้องที่ต้องคอยรับคำสั่ง ขอบเขตนั้นก็จะแคบลง
หาทางออกที่ดีไม่ได้
ถ้าขอบเขตการแสดงออกมันแคบลง เพราะเราไม่มีอำนาจ เราก็จะตกเป็นเหยื่อ เราจะตกอยู่ในสถานการณ์หาทางออกที่ดีไม่ได้ (Low-power Double Bind) นั่นคือเราจะถูกลงโทษถ้าเราพูดออกไป และคนอื่นจะไม่สนใจถ้าเราไม่พูด แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจ และคนอื่นก็จะรับรู้ว่าเรามีอำนาจ เราจะขยายขอบเขตนั้นออกไปได้
สิ่งที่จะช่วยให้เรากล้าแสดงออก และทำให้เรามีอำนาจมากขึ้นในแต่ละสถานการณ์ที่จำเป็น
- ทำเพื่อคนอื่น
- มองในมุมของคนอื่น
- มีคนสนับสนุน
- มีความเชี่ยวชาญ
ทำเพื่อคนอื่น
มีงานวิจัยที่พบว่า ในการเจรจาต่อรอง ผู้ชายมักจะมีอำนาจและกล้าที่จะใช้มันในการเจรจามากกว่าผู้หญิง แต่มีกรณีหนึ่งที่พิเศษ ที่ทำให้ผู้หญิงมีอำนาจและกล้าสู้ คือตอนที่สู้เพื่อคนอื่น ซึ่งเรียกกันว่า Mama Bear Effect
มองในมุมของคนอื่น
ลองมองในมุมของคนอื่น ลองคิดว่าถ้าเราเป็นคนๆ นั้น หรือถ้าเราอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกัน แล้วเราจะเข้าใจความต้องการของคนนั้น และรู้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์นั้นอย่างไร
มีคนสนับสนุน
การมีคนสนับสนุนจะช่วยให้เรากล้าแสดงออกมากขึ้น เราจะหาคนสนับสนุน หาคนมาเข้าข้างเราได้โดยการทำพื่อคนอื่น เวลาที่เราทำเพื่อคนอื่น เราก็จะมีพวกเยอะ การมองในมุมมองของคนอื่นก็จะช่วยให้คนอื่นชอบเราและสนับสนุนเราได้เช่นกัน
อีกวิธีที่เราจะหาคนมาช่วยได้ง่ายๆ คือการขอความช่วยเหลือ ขอคำแนะนำ เวลาเราขอคำแนะนำจากใคร มันก็เหมือนเราชื่นชม เรานับถือคนนั้น และมันจะทำให้เค้าชอบและเป็นพวกกับเรา
มีความเชี่ยวชาญ
เราจะมั่นใจที่จะแสดงออกหรือพูดมากขึ้น ถ้าเรามีความเชี่ยวชาญในเรื่องที่เราจะพูด ความเชี่ยวชาญทำให้เพิ่มความน่าเชื่อถือ
สรุป
การรู้ว่าเมื่อไหร่ควรพูด เมื่อไหร่ควรเงียบเป็นทักษะที่สำคัญ ถ้าเรารู้กาลเทศะ แสดงออกในสถานการณ์ที่ควร ในขอบเขตที่ยอมรับได้ ก็จะทำให้เกิดประโยชน์ แต่ถ้าเราล้ำเส้น ก็อาจจะทำให้ถูกมองข้าม หรือทำให้คนไม่ชอบได้
การทำเพื่อคนอื่น ถ่อมตัวและขอคำแนะนำจากคนอื่น หาความรู้เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ หาพันธมิตรเพื่อสนับสนุนเรา ทุ่มเทและมองในมุมของคนอื่น สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เรามีอำนาจและขยายขอบเขตของการแสดงออกได้