
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราต่างก็ชอบ เวลาที่ประสบผลสำเร็จ เราฉลองให้กับความสำเร็จ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าเราล้มเหลว ถ้าเราแพ้ เราก็อาจจะทำหลายๆ อย่าง แต่คงไม่ฉลองให้กับความล้มเหลวแน่นอน
การล้มเหลว จาก การทำผิดพลาด เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นกับเราหรือใครๆ ก็ได้ รวมถึงคนที่ประสบผลสำเร็จ คนเหล่านั้นต่างก็เคยล้มเหลวมาก่อน ตอนเด็กๆ เราเชื่อว่าทุกคนเคยได้ยินเรื่องราวของ ทอมัส เอดิสัน เซอร์ไอแซก นิวตัน โตขึ้นมาหน่อยก็เป็นเรื่องของบิล เกตส์ เจเค โรว์ลิง หรือไมเคิล จอร์แดน คนเหล่านี้เค้าเคยล้มเหลว แต่สุดท้ายก็ประสบผลสำเร็จ
โดยเฉพาะ เจเค โรว์ลิง เรารู้กันว่าก่อนจะประสบผลสำเร็จ เค้าเคยส่งต้นฉบับไปให้สำนักพิมพ์ 12 แห่งพิจารณา แต่ก็ได้รับการปฏิเสธทั้งหมด แต่ในที่สุดผลงานก็ได้รับการอนุมัติ การที่ล้มเหลวจนถึงจุดต่ำสุด ช่วยให้เราทุ่มพลังให้กับบางอย่าง ทำให้มันออกมาดีที่สุด
You might never fail on the scale I did, but some failure in life is inevitable. It is impossible to live without failing at something, unless you live so cautiously that you might as well not have lived at all – in which case, you fail by default. — JK Rowling
ไมเคิล จอร์แดน ก็เคยพูดไว้ว่า
I’ve missed more than 9000 shots in my career. I’ve lost almost 300 games. 26 times, I’ve been trusted to take the game winning shot and I missed. I’ve failed over and over and over again in my life, and that is why I succeeded. — Michael Jordan
อะไรที่ทำให้คนเหล่านั้นพิเศษ สิ่งที่เราบอกได้คือ เค้าไม่ท้อถอย เค้ารับเอาความล้มเหลวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ เรียนรู้จากการทำผิด เพราะบางอย่างเราจะไม่มีทางรู้จนกว่าจะได้ลองทำ และได้ทำผิด
ความล้มเหลวคือการที่เรายังไม่สำเร็จ มันเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ เป็นเรื่องปกติ และมันจำเป็น เพราะเราเรียนรู้ะไรได้มากจากความล้มเหลว ลองทำ ล้มเหลว เรียนรู้ ทำวนไปจนกว่ามันจะสำเร็จ
Success consists of going from failure to failure without loss of enthusiasm. — Winston Churchill
ความล้มเหลว ความผิดพลาด เกิดจากการที่เราไม่รู้ หรือลองทำสิ่งใหม่ เราปรับโน่นนี่ หรือเราทำเกินกำลังตัวเอง เช่น ปกติเคยได้ลูกค้าใหม่เดือนละ 10 แต่ดันไปตั้งเป้าว่าจะเอาเดือนละ 100
ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ เราต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับความผิดพลาด ทำยังไงให้เพิ่มความสามารถในการรับมือกับความล้มเหลว เราค่อยๆ ฝึก ค่อยๆ เพิ่มระดับ
ฝึกฝนเพื่อรับมือกับ ความล้มเหลว ความผิดพลาด และพยายาม คิดบวก
เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ที่เราพอจะทำได้ เช่น ลองนึกถึงหลายครั้งที่เราเสนอไอเดีย แล้วโดนปฏิเสธ เจ้านายไม่เห็นด้วย เราก็ต้องกลับไปคิดทบทวน แล้วก็ปรับเปลี่ยน ลองเสนอใหม่ ยิ่งเราโดนปฏิเสธ เราก็จะเริ่มเรียนรู้ในการรับมือกับมัน อย่ากลัวที่จะโดนปฏิเสธ ฝึกให้ชินกับการโดนปฏิเสธ สิ่งที่สำคัญคือ ทำยังไงเราถึงจะยังมองโลกในแง่บวก ทำยังไงถึงจะยังมีความมั่นใจ ต่อไปก็ลองขอย้ายแผนก ขอเพิ่มเงินเดือน
Avoiding mistakes makes big ones more severe. — Nassim Taleb
เรียนสิ่งใหม่ๆ เช่นเรียนภาษาอื่นๆ เรารู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ยาก โดยเฉพาะช่วงแรกๆ บางทีก็สับสน ฝึกให้เราชินกับการล้มเหลว
หัดเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่คุ้นเคย สิ่งใหม่ๆ คนที่ไม่คุ้นเคย งานที่ไม่เคยทำ ลองทำงานกับคนใหม่ๆ เอาตัวไปอยู่ในสถานการณ์ที่เราไม่คุ้นเคย ออกจาก Comfort Zone เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ก่อน เช่น ทำสิ่งที่เรายังทำได้ไม่ดี สิ่งที่เราไม่ถนัด เป้าหมายคือเพื่อให้เราล้มเหลว ให้เราทำพลาด และจำไว้ว่าสิ่งที่สำคัญคือ ทำยังไงเราถึงจะยังมองโลกในแง่บวกได้
ใช่แล้ว ต่อไปก็ต้องฝึกมองโลกในแง่บวกเข้าไว้ รู้ไว้ว่าความรู้สึกแง่ลบ มันแค่ชั่วคราว เดี๋ยวมันก็หายไป อาจจะต้องลองบอกกับตัวเอง ลองพูดกับตัวเอง พูดเสียงดังๆ ว่าเราทำได้
สิ่งที่ควรทำหลังจากที่เราล้มเหลว คือประเมินสถานการณ์ มองย้อนกลับไป และแก้ปัญหา
สิ่งที่เราควรทำคือประเมินสถานการณ์ และมองย้อนกลับไปตั้งแต่วันที่เราเริ่มทำ ถ้ากลับไปแก้ไขได้เราจะรับมือกับสถานการณ์นี้ยังไง มีอะไรที่ทำจะทำต่างจากเดิม เลือกที่จะมองในแง่บวก ถ้ารู้ตัวว่ามองแง่ลบอยู่ ก็ให้รีบสลับจากลบเป็นบวก
สมมติว่าเราถูกตำหนิจากหัวหน้าหรือเจ้านาย แทนที่เราจะคิดว่า “เฮ้ย เจ้านายไม่รู้อะไร เราทำได้ดีกว่านี้ เค้าไม่รู้จักเราดีพอ เค้าสบประมาทเรา” ก็ลองเปลี่ยนไปคิดอีกแบบ เช่น คิดซะว่าเราเพิ่งได้รับคำแนะนำ เราก็รับไว้พิจารณา เอาไปปรับปรุง ทำให้ดีขึ้นในระยะยาว สิ่งที่สำคัญคือ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรายังคงมองในแง่บวก
พักก่อน บางทีถ้าเรายึดติดมากไป คิดไม่ออก คิดแล้วคิดอีก ก็ไม่ได้อะไรดีๆ ขึ้นมา ความคิดดีๆ เกิดขึ้นได้เวลาเราพัก เราเปลี่ยนมุมมองความคิด
Where there is no struggle there is no strength. — Oprah Winfrey
16 Comments