
ในหนัง Designated Survivor ในตอนท้ายของ Season 2 Episode 5 จบด้วยบทสนทนาที่น่าสนใจระหว่าง Kirkman กับ Alice Rowland จากความโชคดีที่ Kirkman รอดชีวิตจากการก่อการร้ายและได้เป็นประธานาธิบดี สิ่งที่เค้าพูดไว้คือ You know what people like you and I are supposed to do with that kind of luck?… Pay it forward.
เราควรส่งต่อความโชคดีและโอกาสไปให้คนอื่นๆ
ไม่ว่ามันจะเป็นโอกาสจาก HR หรือ Hiring Manager ที่ได้ทำงานกับบริษัทที่ไฝ่ฝัน โอกาสที่ได้พิสูจน์ความรัก โอกาสจากนักลงทุนที่ได้เริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ ถ้ามันถึงคราวที่เราต้องเป็นฝ่ายให้โอกาสแก่คนอื่นบ้าง หลังจากที่เราประสบผลสำเร็จแล้ว ก็ให้นึกถึงตอนที่เราเริ่มต้นใหม่ๆ ทุกคนต่างก็ต้องการโอกาส และเราทุกคนก็สมควรที่จะได้รับโอกาสเสมอ โอกาสที่จะได้เริ่มต้น โอกาสที่จะได้แก้ตัวอีกครั้ง
มีเหตุผลหลายๆ อย่างที่เราควรจะให้โอกาสแก่ผู้อื่น ข้อดีของการให้เหล่านี้จะทำให้เราเข้าใจมากขึ้น ว่าทำไมหลายๆ คนถึงบริจาคเงินช่วยเหลือผู้อื่น และหวังว่ามันจะเป็นเหตุผลดีๆ ที่เราจะเริ่มต้นการเป็นผู้ให้
การให้ทำให้เรามีความสุข
การให้ทำให้เรารู้สึกดี และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสมอง ใม่ใช่เพราะว่าเราคิดไปเอง งานวิจัยในปี 2006 พบว่าเมื่อคนบริจาคเงินให้องค์กรการกุศล มันจะไปกระตุ้นสมองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความพอใจ การเชื่อมต่อและความสัมพันธ์ในสังคม ความเชื่อใจ และทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นได้ นักวิจัยเชื่อว่าพฤติกรรมของการที่เราเห็นแก่คนอื่นหรือส่วนรวม จะทำให้สมองหลั่งสารสื่อประสาท Endorphin ทำให้เกิดความรู้สึกเชิงบวกที่เรียกว่า Helper’s high
การให้ทำให้เราอายุยืน
งานวิจัยในปี 1999 พบว่ากลุ่มคนสูงอายุที่เป็นอาสาสมัครช่วยเหลืองานในสังคมตั้งแต่ 2 องค์กรขึ้นไป มีอายุยืนกว่าคนที่ไม่ได้เป็นอาสาสมัครถึง 44% และในงานวิจัยที่คล้ายกันในปี 2003 พบว่า สามีภรรยาที่ช่วยเหลือเพื่อน เพื่อนบ้านหรือคนในครอบครัว มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตต่ำกว่ากลุ่มคนที่ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือผู้อื่น
นักวิจัยแนะนำว่าเหตุผลที่การให้ช่วยยืดชีวิตออกไปได้เป็นเพราะ การให้ช่วยลดความเครียด และความเครียดก็เป็นตัวการที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ และอีกงานวิจัยในปี 2006 พบว่าคนที่มีส่วนช่วยเหลือคนในสังคม จะมีความดันเลือดต่ำกว่าคนที่ไม่ให้ความช่วยเหลือ ดังนั้นการให้จึงส่งผลดีต่อสุขภาพเราจริงๆ
การให้จะทำให้เราได้รับการตอบแทน
เมื่อเราให้ เราก็จะได้รับสิ่งตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นคนที่เราเคยให้ หรือจากคนอื่นที่เห็นว่าเราเป็นฝ่ายให้ ความมีน้ำใจของเราจะทำให้เราได้รับการตอบแทนเสมอ การให้และการรับ จะทำให้เกิดความร่วมมือ นักวิจัยเชื่อว่าการมีส่วนร่วมในสังคมเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ
การให้ไม่ใช่แค่ทำให้คนอื่นเกิดความรู้สึกใกล้ชิดเรามากขึ้น แต่มันยังทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับคนอื่นๆ ได้ด้วย ความใจดีของเราจะทำให้คนอื่นมองว่าเราเป็นคนมีน้ำใจและมีใจกุศล
การให้ทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณ
ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายให้หรือเป็นฝ่ายรับ การให้จะทำให้เกิดความรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณ จะทำให้เรารู้สึกโชคดีที่ได้รับ และมันจะทำให้เรารู้สึกโชคดีที่เรามีและเราได้ให้คนอื่นๆ นักวิจัยพบว่า ความรู้สึกซาบซึ้งในความโชคดีนี้เองที่ทำให้เรามีความสุข ทำให้เราและคนอื่นๆ มองโลกในแง่ดี ทำให้เรามีสุขภาพดี และช่วยให้เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในสังคม
การให้เป็นสิ่งที่ติดและทำตามกันได้
เวลาที่เราให้ มันไม่จบลงแค่คนรับได้รับของจากเรา แต่มันยังส่งผลกระทบไปยังสังคมหรือชุมชนได้ด้วย ทำให้เกิดสังคมแห่งการให้ ทำให้คนมีน้ำใจ เมื่อเราเห็นคนบริจาค เราก็มักจะเกิดความรู้สึกอยากช่วยเหลือเช่นกัน
การให้เกี่ยวข้องกับสารสื่อประสาท Oxytocin ฮอร์โมนที่สมองหลั่งออกมาในตอนที่เรารู้สึกอบอุ่น ความสัมพันธ์กับคนอื่น งานวิจัยพบว่า การได้รับสาร Oxytocin จากการฉีดเพียงแค่ 1 ครั้ง จะทำให้คนรู้สึกใจกว้างและเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นมากขึ้น โดยส่งผลเป็นเวลานานถึง 2 ชั่วโมง และนอกจากนั้น คนที่มี Oxytocin สูง ก็ยังสามารถไปกระตุ้นให้คนอื่นๆ เกิดความรู้สึกเช่นเดียวกันได้อีกด้วย
ไม่มีใครที่จะประสบผลสำเร็จได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าเราจะจำหรือนึกได้หรือไม่ เราก็เคยได้รับโอกาสจากคนอื่นๆ มาก่อนเสมอ คนเหล่านั้นมองเห็นอนาคตในตัวเรา เค้าอาจจะไม่รู้จักเราเลยก็ได้ แต่ว่าเค้าเห็นสิ่งที่เราทำ เห็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ และเค้าหล่านั้นก็ให้โอกาสเรามา
และสิ่งที่เราทำได้ก็คือ ส่งต่อความโชคดีและให้โอกาสแก่คนอื่นๆ ต่อไป