
ตอนเด็กๆ เคยโดนถามว่า อะไรที่คนเรามีเท่ากัน เราก็คิดๆ เข้าใจว่ามันมีคำตอบเยอะมาก ตอนนั้นเราก็ตอบไปว่า คนเรามีแขนสองข้าง มาขาสองข้าง มีตาสองข้างเท่ากัน ถูกไหม คนถามก็ไม่ยอมบอกว่าถูก แต่ก็ไม่บอกว่าผิด เค้าบอกว่า เวลา คือสิ่งที่คนเรามีเท่ากัน
เราก็เถียงกลับไปว่า ไม่ใช่ละ บางคนมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานก็ตายจากเราไปก่อน ไม่มีทางที่คนเราจะมีเวลาเท่ากันได้หรอก
ในหนึ่งวัน คนเรามีเวลาเท่ากัน
สุดท้ายเราก็ยอมรับ ยอมเข้าใจในสิ่งที่เค้าพยายามจะสอนเรา เราจำได้ว่าวันนั้นตื่นสาย ไม่ยอมลุก ไม่ไปช่วยซื้อของที่ตลาด เค้าบอกเราว่า อยากนอนสบายๆ เอาไว้นอนตอนตาย นอนยาวๆ ไม่มีใครมาปลุก เหมือนโดนสาป หลังจากนั้นเราก็เป็นคนนอนไม่ค่อยหลับ หลับๆ ตื่นๆ
นอนน้อยเป็นนิสัย
เราเชื่อว่าเราสามารถที่จะนอนน้อยๆ เพื่อที่จะได้ทำงานมากขึ้น งานก็จะเสร็จเร็วขึ้น เราเชื่อว่าถ้าร่างกายเราแข็งแรง เราก็สามารถนอนดึกแล้วก็ตื่นไปทำงานได้สบายๆ ขอแค่ออกกำลังกาย กินอาหารดีๆ ก็พอ แต่ช่วงหลังๆ ที่เราสนใจเรื่อง Productivity อ่านบทความของหลายๆ คน เรากลับเจอแต่คนที่แนะนำว่าต้องนอนเยอะๆ บางคนบอกว่านอนเยอะได้งานมากกว่านอนน้อยซะอีก
ยังไม่รู้ตัวอีก
ตราบใดที่เรายังออกกำลังกาย กินให้อิ่ม เราก็ยังคงทำแบบเดิม ยังนอนดึก อยู่ดึกจนกว่าจะง่วงจริงๆ ถึงไปนอน เราว่าคำแนะนำแบบนั้นมันใช้สำหรับคนธรรมดาทั่วๆ ไป เราเคยไม่ได้นอนทั้งคืน ตื่นเช้ามาไปอบรมทั้งวัน ตอนเย็นไปวิ่งที่สวนลุมได้อีก 20 กิโล
เวลาวิ่งเราก็เชื่อตลอดว่า มันอยู่ที่ใจ หลายครั้งที่เราไม่ได้พักผ่อน แต่ก็ไม่ได้มีผลต่อการวิ่งเลย หรือบางครั้งทำให้เรามีสมาธิจดจ่ออยู่กับแต่ละก้าว ทำให้วิ่งได้ดีกว่าตอนปกติซะอีก
เริ่มรู้ตัวแล้ว
เราไม่ยึดติดกับรถ เพราะรถเราก็เป็นแค่วัตถุอันนึง แล้ววัตถุใดๆ ก็ไม่น่ามีความรู้สึก และถึงจะมี เราก็ไม่เข้าใจมันอยู่ดี เพราะมันเป็นรถญี่ปุ่น
อ้าว ถ้าเราไม่ยึดติดกับรถ แล้วทำไมเราถึงจ่ายเงินดูแลรถไปมากกว่าดูแลตัวเองล่ะ หลังจากนั้นเราก็เริ่มคิดได้ว่า เราไม่ได้เอาตัวเองเข้าศูนย์นานแล้ว ถ้าจำไม่ผิด คงสัก 7 ปี แล้วที่ไม่ได้ไปตรวจร่างกาย
The Energy Project
หลังจากที่เราได้รู้จัก The Energy Project เราถึงเริ่มเข้าใจ และรู้ตัวแล้วว่า การนอนเป็นเรื่องสำคัญ เป็นส่วนหนึ่งของพลังงานของร่างกายเรา
พลังงานของร่างกาย หรือปริมาณพลังงานที่มีในตัวเรา พลังจากเกิดจากการกินอาหารเพื่อให้ได้สารอาหารที่ร่างกายจำเป็น การนอนหลับพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซม การออกกำลังกายเพื่อให้แข็งแรงและฟื้นฟูได้เร็ว และการพักในระหว่างการทำงานเพื่อฟื้นฟูหรือเติมพลังงาน
นอกจากปริมาณพลังงานในร่างกายแล้ว เรายังต้องคำนึงถึงอารมณ์หรือคุณภาพของพลังงานด้วย ถ้าเรามีพลังงานเยอะ แต่ถ้าในตอนนั้นเรากำลังโกรธ เราก็จะใช้พลังงานไปทำเรื่องที่ไม่ดี และพลังงานที่เราใช้ตอนที่อารมณ์ติดลบ มันจะลดลงและหมดเร็วกว่าในตอนที่เราอารมณ์ดี
พลังใจก็เป็นพลังงานอีกรูปแบบหนึ่ง คือการมีสติ การ Focus ไปที่งานที่เราทำ ไม่ทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน
และสุดท้ายพลังจิตวิญญาณ เป็นเรื่องของคุณค่าของตัวเรา ความดี ความงาม และความจริง
ในแต่ละวัน เราอาจจะไม่จำเป็นต้องจัดการหรือห่วงเรื่องเวลา เราแค่ทำงานและคำนึงถึงพลังงานที่เรามี ทำงานและหยุดพักเพื่อเติมพลัง สังเกตอารมณ์ของเราที่มันเปลี่ยนแปลงไปตลอดทั้งวัน Focus และทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง และเริ่มต้นวัน ด้วยการทำงานที่มันมีคุณค่าที่สุดให้เสร็จก่อนงานอื่นๆ
เรียนรู้
ไม่ใช่แค่สุุขภาพร่างกายที่เราต้องดูแล แต่เรายังต้องเรียนรู้อยู่ตลอด ตอนเด็กๆ ที่บ้านเราสอน การเรียนรู้คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด นี่เป็นคำสอนที่เราไม่เถียงแต่แรก แล้วเราก็จำและไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้
รักคน ใช้สิ่งของ อย่าสลับกัน
เริ่มจากรักตัวเอง ดูแลตัวเองให้ได้ก่อน เพราะลำพังตัวเรายังดูแลไม่ได้ เราจะไปดูแลงานหรือดูแลคนอื่นๆ ได้ยังไง
Self-care is not selfish. You cannot serve from an empty vessel.—Eleanor Brown