ดูแลตัวเอง

มุทิตา ความสุขบนความสุขของคนอื่น

มันคงจะดีและมีความสุขหากสามารถเสกสิ่งที่ต้องการได้ดั่งใจ แต่ในชีวิตจริงเราไม่อาจได้ทุกสิ่งทุกอย่าง มีคนบอกไว้ว่า คนมีความสุขคือคนที่ได้ทุกอย่างตามที่ใจต้องการ คนมีความสุขคือคนที่ต้องการในสิ่งที่ตัวเองพอจะไขว่คว้าเอามาได้

ที่มาของความสุข

Happiness มีรากศัพท์หรือที่มาจาก Hap คำเดียวกันกับที่อยู่ใน Perhaps, Happenstance, Haphazard และ Happen ซึ่งบอกเป็นนัยว่ามันเกี่ยวข้องกับ โอกาส โชค หรือชะตา

ความสุขจึงเกิดขึ้นได้ตามโอกาส ตามพื้นฐานชีวิตที่แตกต่างกันของแต่ละคน การเกิดและโตในครอบครัวที่ดี การได้รับการศึกษา ความสำเร็จในหน้าที่การงาน ล้วนก่อให้เกิดความสุขที่แตกต่างกัน

ในหนังสือ How Emotions Are Made: The Secret Life of the Brain อารมณ์คือสิ่งที่สมองและสังคมสร้างขึ้น ไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ความรู้สึกนั้นเกิดขึ้นจากประสบการณ์ของแต่ละคนในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน สมองจะจำลองสิ่งที่เราเรียกว่าอารมณ์ ทำให้รู้สึกเหมือนจริงแและอารมณ์ถูกสร้างขึ้นแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลและสังคม

เหตุการณ์เดียวกัน อาจทำให้คนสองคนรู้สึกแตกต่างกันได้

อารมณ์ความรู้สึก สภาวะทางจิตใจที่เราต้องการให้เกิดขึ้นในแต่ละวัน เช่น ความพึงพอใจ จิตใจสงบ เติมเต็ม รู้คุณ เอื้ออาทร และความสัมพันธ์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทักษะที่ฝึกฝนได้ ไม่ใช่สิ่งที่ฝังอยู่ในยีนส์และติดตัวเราตั้งแต่เกิด แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงทักษะเหล่านี้ได้ด้วยการฝึกฝน และนั่นก็เป็นข่าวดี เป็นโอกาสอันดีสำหรับเราทุกคน

อัตลักษณ์ของแต่ละคน

ไอน์สไตน์เคยพูดไว้ว่า มนุษย์เราแต่ละคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล อยู่ในที่และเวลาอันจำกัด เราสามารถรับรู้ถึงการมีตัวตนของตัวเอง มีความคิด มีความรู้สึก ราวกับว่าเรานั้นแยกเป็นอิสระจากคนอื่นๆ แต่แท้จริงนี่เป็นเพียงมายา เป็นสมองที่จำลองการรับรู้ตัวตนของตัวเอง และความพยายามที่จะหลุดพ้นจากมายานี้เป็นเป้าหมายของศาสนาที่แท้จริง (เข้าใจว่าศาสนาที่พูดถึงนั้นคือพุทธ)

แนวคิดการแยกตัวเป็นอิสระของแต่ละคนที่ไอน์สไตน์พูดถึงนั้นก็คือ Ego อีโก้ หรืออัตตา ซึ่งไม่มีอยู่จริงในพุทธศาสนา แต่กลับเป็นต้นเหตุของความทุกข์ทรมาน มายาของตัวตนหรือภาพลักษณ์ที่แต่ละคนพยายามสร้างขึ้นมานั้นก่อให้เกิดความเกลียดชัง ยิ่งพยายามรักษาภาพมายานั้นไว้มากเท่าไหร่ ยิ่งปกป้องตัวตนของตัวเองเอาไว้ มันก็ยิ่งทำให้เราอยู่ห่างไกลจากความเป็นจริง

ร่างกายของคนนั้นประกอบไปด้วยสิ่งมีชีวิตเล็กๆ มีแบคทีเรียอีกนับล้าน ชีวิตที่เราไม่สามารถควบคุม หากวัดกันที่จำนวนเซลล์แล้ว ตัวตนที่เราเข้าใจว่าเป็นเรานั้น มันคงไม่ใช่อย่างที่เราคิด

ร่างกายของเรานั้นไม่ได้เป็นตัวตนหนึ่งเดียวแต่เป็นระบบนิเวศ

ตัวตนของฉันที่แตกต่างจากเธอ ตัวตนของฉันที่ไม่เหมือนใครนั้นจึงเป็นมายา เป็นเชื้อเพลิงของความเข้าใจผิด ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งและการแข่งขันระหว่างกัน

หากเราหลงผิด คิดว่าแต่ละคนแยกจากกัน ลืมไปว่าเราแต่ละคนเป็นส่วนหนึ่งของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ลืมไปว่าต่างคนก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน

แต่ละคนต่างสร้างกำแพงกั้นใจแต่ละดวงแยกจากกัน ป้องกันไม่ให้มีใครมาทำร้ายใจเราได้ การปิดกั้นปกป้องตัวเองสุดท้ายกลับกลายเป็นทำร้ายจิตใจของตัวเอง

ศัตรูของความสุข

ความโลภคือความอยากมีมากกว่าใคร ต้องการความสำเร็จ ต้องการครอบครองมากกว่าคนอื่น ความโลภทำให้เราปกป้องสิ่งที่หามาได้ ป้องกันไม่ให้คนอื่นพรากมันไป หรือแม้กระทั่งขัดขวางไม่ให้คนอื่นเลียนแบบ

ความริษยาคือทนไม่ได้ที่เห็นคนอื่นได้ดี ทนไม่ได้ที่คนอื่นมีความสุข ความริษยาเกิดขึ้นจากใจที่คับแคบมองทุกอย่างขาดแคลน ทำให้จมอยู่กับสิ่งที่ครอบครอง มองไม่เห็นว่าสิ่งนั้นมันมีอยู่อีกมากมาย

พฤติกรรมการใช้ Social media ของคนส่วนใหญ่ที่จะไม่โพสต์ในวันที่แย่ๆ มักจะโพสต์แต่สิ่งดีๆ ของตัวเอง Perfectionist presentation ทำให้เกิดความจริงที่หลอกลวง ทำให้ดูเหมือนว่าเพื่อนคนอื่นๆ ประสบความสำเร็จมีความสุข มีชีวิตที่ดี

เราไม่อาจเชื่อทุกสิ่งที่เห็นใน Social media เราไม่ควรใช้มันในวันแย่ๆ เพราะหากเอาชีวิตตัวเองในขณะนั้นไปเปรียบเทียบกับเพื่อน อาจเกิดคำถามขึ้นได้ว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเรา?

แต่ถ้าอดใจไม่ไหว ยังไงซะในหนึ่งวัน ฉันก็จะขอปัดๆ เลื่อนๆ ดูชีวิตของเพื่อนๆ บ้าง หากห้ามใจไม่ได้ก็คงต้องใช้ Mudita มุทิตา เข้าช่วย

มุทิตา ธรรมของผู้นำ

ตอนเด็กๆ เราคงได้เรียนและรู้จักพรหมวิหาร 4 ธรรมของพรหม หลักธรรมประจำใจของท่านผู้เป็นใหญ่ ท่านผู้นำทั้งหลายพึงมี

  • เมตตาคือความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข
  • กรุณาคือความปราถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
  • มุทิตาคือความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี
  • อุเบกขาคือการรู้จักวางเฉย

Mudita หรือ มุทิตา คำภาษาบาลีที่ความหมายไม่ตรงกับคำใดๆ ในภาษาอังกฤษ หากอยากรู้ความหมายก็ต้องใช้หลายคำอธิบายกันยาว

มุทิตาคือความสุขบนความสุขของคนอื่น

Schadenfreude คำในภาษาเยอรมันที่แปลว่าความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น จะเห็นได้ว่าภาษาบ่งบอกถึงวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน

The foolish man seeks happiness in the distance; the wise grows it under his feet—James Oppenheim

มุทิตาคือที่สุดของความสุขที่เกิดขึ้นได้กับคนๆ หนึ่ง พระองค์จะรู้ไหมว่านับจากเวลานั้นอีก 2600 ปี จะยังมีคนซาบซึ้งกับคำสอน พระองค์จะยิ้มเบิกบานแค่ไหนที่หยั่งรู้ว่าคำสอนนั้นจะยังเป็นจริงไปอีกนาน

การฝึกฝนมุทิตา

เช่นเดียวกับทักษะอื่นๆ เช่น การออกกำลังกาย ที่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฝึกฝน มันจะต้องเหนื่อย ต้องเจ็บ ต้องทน

การฝึกฝนมุทิตาไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เราหยุดทำตัวงี่เง่า เพราะสุดท้ายเราก็จะยังทำตัวงี่เง่าอยู่ดี แต่อย่างน้อยมันจะทำให้เรางี่เง่าน้อยลง

ลองนึกถึงตอนขับรถปาดหน้าคนอื่นโดยที่รู้สึกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอเวลาโดนคนอื่นขับรถปาดหน้าเท่านั้นแหล่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็จะเกิดขึ้น แล้วเราก็จะหลงทำตัวงี่เง่า ตอบสนองต่อสถานการณ์นั้นและทำให้ชีวิตของตัวเองตกอยู่ในอันตราย รู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการยอมให้เค้าปาดหน้า รับเอาเค้าเข้ามาอยู่ในเลนอย่างปลอดภัย แต่กลับทำตรงข้าม

การนั่งอยู่หลังพวงมาลัย ทำให้คนมีเหตุผลที่สุดกลายเป็นคนงี่เง่าได้ง่ายๆ

ถึงแม้การรับเอารถคันนั้นเข้ามาอยู่ในเลนเดียวกันกับเรา ยอมให้เลียนแบบและยังนำหน้าเรา จะไม่ใช่เรื่องทำใจได้ง่ายๆ แต่การฝึกสมาธิ ฝึกให้มีสติ ให้มีช่องว่างระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนองมันจะช่วยได้

เมื่อเรารู้ตัวว่าเกิดความคิดโลภหรือริษยา ให้เราแทนมันด้วยความคิดที่มีประโยชน์มากกว่า พยายามอย่าเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง อย่าทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย อย่าเอาชีวิตไปแลกกับความรู้สึกดีชั่วคราวนั้น

ฉันมีความสุขที่เห็นเธอมีความสุข

Like what you read? Please share it with your friends so we can get their thoughts!

Previous ArticleNext Article

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *