
จากการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ พรสวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่กำหนดโดยยีนส์และสิ่งแวดล้อมทั้งหมด แต่พรสวรรค์คือสิ่งที่ทุกคนสามารถพัฒนาให้เกิดขึ้นได้ และการพัฒนาทักษะสู่ความเป็นเลิศนั้น เกิดขึ้นได้จากการฝึกฝนแบบเชิงลึกของคนที่มีแรงจูงใจและมีโค้ชที่เชี่ยวชาญดูแล
ตอนเด็กๆ คงไม่ใช่เราคนเดียวที่เข้าใจผิด คิดว่าคนที่มีพรสวรรค์คือคนที่มีความสามารถติดตัวมาตั้งแต่เกิด คนที่ไม่ต้องออกแรงฝึกฝนเรียนรู้ก็ยังทำได้ดีกว่าเรา คนที่เราได้แต่อิจฉาในความพิเศษนั้น
ความเชื่อผิดๆ เรื่องพรสวรรค์อาจทำให้บางคนล้มเลิก เพราะไม่เห็นทางที่จะประสบความสำเร็จหรือเป็นที่หนึ่งได้ จะพยายามไปทำไมในเมื่อไร้พรสวรรค์ คิดแบบนี้ทำให้เสียโอกาสในการพัฒนาตัวเอง
ในขณะที่คนมีพรสวรรค์กลับกลัวที่จะพยายาม เพราะเชื่อว่าคนที่มีพรสวรรค์นั้นไม่จำเป็นต้องพยายาม ความพยายามทำให้กลายเป็นคนธรรมดา แล้วเราก็ไม่ต้องการเป็นคนธรรมดา ทำให้เสียโอกาสในการพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
ในขณะที่คนไร้พรสวรรค์ล้มเลิก คนที่มีพรสวรรค์กลับกลัวความพยายาม น่าแปลก ทั้งที่ไม่มีใครสอนตอนยังเด็ก แต่กลับมีความเชื่อแบบนี้เกิดขึ้นได้
พรสวรรค์ไม่ได้ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับพรสวรรค์ต่างหากที่ติดตัวและตามติดเราจนโต
จากหนังสือ The Talent Code: Greatness Isn’t Born. It’s Grown. Here’s How. โดย Daniel Coyle ที่เขียนขึ้นจากการค้นพบทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับบทบาทของ Myelin ที่มีต่อการพัฒนาทักษะ
Myelin และ White matter เป็นองค์ประกอบที่มีน้ำหนักมากกว่าครึ่งในสมอง แต่ที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์กลับให้ความสำคัญกับ Neuron และ Synapse มากกว่า ซึ่งสามารถอธิบายกิจกรรมที่เกิดขึ้นในสมองได้ ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำ อารมณ์ การควบคุมกล้ามเนื้อ การรับรู้ตรวจจับสัญญาณ แต่สิ่งที่ Neuron ไม่สามารถใช้อธิบายได้นั่นคือ ทำไมคนเราต้องใช้เวลานานในการเรียนรู้ทักษะที่ซับซ้อน
ทักษะกับวงจรในสมอง
กิจกรรมทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือผลของการส่งสัญญาณไฟฟ้าเข้าไปยังโครงข่ายเส้นใยประสาท สมองเราประกอบไปด้วย Neuron หลายพันล้าน เชื่อมต่อระหว่างกันด้วย Synapse ไม่ว่าเราจะทำกิจกรรมอะไรก็ตาม สมองก็จะส่งสัญญาณเข้าไปยังโครงข่ายเส้นใยประสาทเหล่านั้น ส่งไปยังกล้ามเนื้อที่ต้องการเคลื่อนไหวหรือใช้งานทุกครั้ง
ทุกครั้งที่เราฝึกฝน ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง ตีลูกเทนนิส อ่านหนังสือ วงจรส่วนที่เกี่ยวข้องของกิจกรรมนั้นก็จะสว่างขึ้น ทักษะแต่ละอย่างนั้น เกิดขึ้นจากวงจรที่ประกอบไปด้วยเส้นใยประสาทและ Synapse นับพัน
ลองจินตนาการหลังจากที่เรามองเห็นลูกบอล เรารู้สึกได้ถึงตำแหน่งของแร็กเกตที่ถือในมือ เราตัดสินใจตีลูก และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ สัญญาณที่ส่งผ่านไปยังกล้ามเนื้อที่เอวหัวไหล่และแขน ในปริมาณและในเวลาที่เหมาะสม
วงจรคือการเคลื่อนไหว มันกำหนดระดับพลังงานและจังหวะเวลาที่เราใช้เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดรูปแบบและเนื้อหาความคิด วงจรที่ทำงานช้าและไม่มีความแน่นอนก็จะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ช้าและไม่แน่นอน แต่ถ้าวงจรมีความรวดเร็วสามารถส่งสัญญาณได้รวดเร็วประสานกันได้ดี ก็หมายถึงการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นได้รวดเร็วและแน่นอน Muscle memory หรือความทรงจำของกล้ามเนื้อ ที่จำระดับพลังงานและจังหวะเวลาของการเคลื่อนที่ ก็คือวงจรนี่เอง
ยิ่งเราพัฒนาวงจรของทักษะมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ไม่รู้ตัวว่าเราใช้งานมันอยู่ในขณะนั้น เราถูกสร้างมาให้ใช้ทักษะแบบอัตโนมัติ ให้ใช้จิตใต้สำนึก ให้สามารถทำได้โดยที่เราไม่รู้ตัว เราวิวัฒนาการมาแบบนี้เพราะว่า ยิ่งเราสามารถใช้ทักษะได้โดยไร้จิตสำนึก มันก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะมองเห็นศัตรูได้เร็วขึ้น ช่วยให้เราหาทางหนีได้ทัน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราพัฒนาทักษะนี้ได้ มันก็จะทำให้รู้สึกว่า ทักษะมันติดตัวเรามาตลอด หรือเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
เราแต่ละคนมีวงจรที่ทำให้พัฒนาทักษะได้ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้เราลืมไปว่า วงจรเหล่านี้ เราต้องฝึกฝนและสร้างมันขึ้นมาเอง
พรสวรรค์กับ Myelin
จากที่เคยเรียนมา ในมุมมองแบบเก่า ส่วนใหญ่เราคงจะมองว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นได้จาก Neuron โครงข่ายนิวรอน เส้นใยประสาทและ Synapse ที่เชื่อมต่อและสื่อสารกัน แต่ยังมีความจริงอีก 3 อย่างที่ควรรู้ไว้ นั่นคือ
- กิจกรรมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น การเคลื่อนไหว ความคิด ความรู้สึก คือสัญญาณไฟฟ้าที่ส่งผ่านโครงข่ายนิวรอน ผ่านวงจรของเส้นใยประสาท
- Myelin คือสิ่งที่หุ้มเส้นใยประสาทเหล่านั้น ที่ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการส่งสัญญาณ
- ยิ่งส่งสัญญาณเข้าไปในวงจรนี้มากเท่าไหร่ Myelin จะปรับและทำให้วงจรทำงานได้ดีมากขึ้น ทำให้คิดและเคลื่อนไหวได้เร็วมากขึ้น
ลองนึกถึงสายไฟในห้อง ในสมองเราก็จะมีสายไฟอยู่มากมาย มันคงไม่ใช่เรื่องดีหากในห้องเต็มไปด้วยสายไฟที่ไม่มีฉนวนหุ้มอยู่ คงจะมีไฟช็อตและไฟตกบ่อยๆ การมี Myelin หุ้มเส้นใยประสาท ทำให้ส่งสัญญาณได้ดีขึ้น ลดการสูญหายของสัญญาณ ช่วยเพิ่มแบนด์วิธ เพิ่มอัตราการส่งและความเร็วของสัญญาณ
Myelin คือสิ่งที่หุ้มเซลล์ประสาท นักประสาทวิทยาต่างมองว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาทักษะ ไม่ว่าจะเป็นทักษะในการเล่นกีฬา ทักษะการเล่นดนตรี ล้วนเกิดขึ้นจากวงจรในสมอง เกิดจากสัญญาณที่ส่งผ่านในวงจร บทบาทของ Myelin นั้นคือทำหน้าที่หุ้มเส้นใยประสาทเช่นเดียวกับสายไฟที่มีฉนวนหุ้มสายทองแดง ทำให้ส่งสัญญาณได้แรงและเร็วยิ่งขึ้น โดยการป้องกันไม่ให้สัญญาณที่ส่งไปนั้นหลุดหรือสูญหายระหว่างทาง
ในตอนที่เราฝึกฝนเล่นกีฬาหรือดนตรี Myelin จะตอบสนองโดยการหุ้มวงจรนิวรอน วงจรประสาท ในแต่ละชั้นของ Myelin ที่เพิ่มขึ้นมา ก็เหมือนกับการเพิ่มทักษะและความเร็ว ยิ่งมีชั้นของ Myelin ที่หนามากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ทักษะมีความแม่นยำมากขึ้น ทำให้คิดและเคลื่อนไหวได้รวดเร็วแม่นยำมากขึ้น
Myelin ทำให้เราเข้าใจและมองการเรียนรู้ทักษะในมุมใหม่ มันมีความสำคัญสำหรับทุกคน เพราะทุกคนสามารถสร้างมันเพิ่มขึ้นมาได้ โดยเฉพาะในวัยเด็ก การเพิ่มจำนวนของมันทำให้เพิ่มทักษะทั้งด้านร่างกายและการคิด ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถรับรู้หรือรู้สึกถึงการมีอยู่ของมันก็ตาม
ยิ่งมีการส่งสัญญาณในสมองมากขึ้น ก็ยิ่งมี Myelin หุ้มเส้นใยประสาทมากขึ้น และยิ่งมี Myelin มาก ก็ยิ่งทำให้ส่งสัญญาณได้เร็วขึ้นหลายร้อยเท่า เมื่อเทียบกับเส้นใยที่ไม่มี Myelin ห่อหุ้มไว้
Myelin คือโครงสร้างที่เปลี่ยนซอยธรรมดาให้กลายเป็นทางด่วน การส่งสัญญาณผ่านเส้นทางนี้ทำได้รวดเร็ว เปลี่ยนความเร็วจาก 2 ไมล์ต่อชั่วโมงให้เป็น 200 ไมล์ต่อชั่วโมง ช่วยลดเวลาในการรอส่งสัญญาณถัดไปลงได้ถึง 30 เท่า การเพิ่มขึ้นของความเร็วและอัตราการส่งสัญญาณ ช่วยให้ประมวลผลข้อมูลได้รวดเร็วมากขึ้นนับพันเท่า
Myelin สามารถปรับความเร็วของการส่งสัญญาณ โดยอาจทำให้ส่งเร็วขึ้นหรือทำให้ช้าลงได้ เพื่อทำให้สัญญาณส่งไปถึง Synapse ในเวลาที่เหมาะสม เวลาเป็นสิ่งสำคัญเพราะ Neuron ทำงานแบบ Binary นั่นคือมันจะมีแค่ส่งหรือไม่ส่งเท่านั้น การที่ Neuron จะส่งสัญญาณต่อไปได้นั้น มันขึ้นอยู่กับระดับสัญญาณที่แรงมากพอที่จะกระตุ้นให้เกิดการส่งต่อ
นึกถึงสัญญาณ ที่ส่งมาจาก 2 ที่เพื่อใช้กระตุ้น Neuron หากสัญญาณถูกส่งไปถึง Synapse ในเวลาที่แตกต่างกัน Neuron ก็จะไม่ส่งสัญญาณต่อไป ส่งผลให้กิจกรรมที่เราทำนั้นผิดพลาด ทำให้ยิงลูกโทษไม่เข้าประตู ตีลูกติดเน็ต
ในชีวิตเราต้องผ่านสถานการณ์ ผ่านโลก ผ่านอันตราย พบโอกาส สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นหมายถึงความยากและเป็นไปไม่ได้ที่จะเขียนคำสั่งทั้งหมดไว้ในยีนส์ คำสั่งที่จะช่วยให้เราปรับตัวในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ได้
สมองเรามีการเชื่อมโยงกันของ Neuron จำนวนหลายพันล้านและทำให้เกิดความเป็นไปได้มากมาย มากเกินกว่าที่ยีนส์จะสามารถเก็บค่าความเป็นไปได้มากมายขนาดนี้เอาไว้ได้ แต่เราสามารถพัฒนาวงจรและสร้าง Myelin ช่วยให้เรามีทักษะเอาตัวรอดได้
การส่งสัญญาณผ่านเส้นใยประสาททำให้เพิ่มจำนวน Myelin และ Myelin จะเป็นตัวควบคุมความเร็วของสัญญาณ และความเร็วนั้นก็คือทักษะ
Myelin ไม่ได้ลดบทบาทของ Synapse ต่อการเรียนรู้ลง แต่ Myelin นั้นมีบทบาทที่สำคัญมากที่สามารถกำหนดได้ว่าการเรียนรู้จะเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะสัญญาณจะต้องส่งไปด้วยความเร็วและในเวลาที่เหมาะสม และการหุ้มใยประสาทด้วย Myelin ก็เป็นวิธีการควบคุมความเร็วในการส่งสัญญาณของสมอง
Myelin ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อตอบสนองความต้องการ ความคิด ความคาดวัง แต่มันตอบสนองการกระทำ การลงมือทำ สัญญาณไฟฟ้าที่ส่งไปยังเส้นใยประสาท มันตอบสนองต่อการฝึกฝนซ้ำไปมา
Myelin ใช้ได้กับทุกเรื่อง ทุกทักษะ ไม่ว่าเราจะใช้มันเพื่อฝึกฝนทักษะอะไรก็ได้ ขอเพียงเราหมั่นฝึกฝน ส่งสัญญาณบ่อยๆ ก็จะมี Myelin เพิ่มขึ้น เข้ามาหุ้มเส้นใยประสาทที่ส่งสัญญาณไปยังวงจรนั้น
หลังจาก Myelin หุ้มเส้นใยประสาทไว้แล้ว มันจะไม่หลุดออกมา หลังจากที่ทักษะถูกเคลือบไว้แล้ว มันจะคงอยู่ต่อไปอีก ยกเว้นเมื่อแก่ตัวลงหรือเป็นโรค นั่นทำให้นิสัยเป็นสิ่งที่แก้ยาก การจะแก้นิสัยไม่ดีได้นั้น ต้องอาศัยการพัฒนานิสัยใหม่ โดยการสร้างพฤติกรรมซ้ำใหม่ เพื่อทำให้มี Myelin เข้ามาหุ้มวงจรใหม่นั้น
อายุมีผลต่อ Myelin ในตอนเด็ก Myelin เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ทำการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ในช่วงนี้เป็นเรื่องง่าย จนกระทั่งอายุ 30 ที่มันจะเริ่มลดน้อยลง และเมื่อถึงอายุ 50 ที่การเพิ่มขึ้นของ Myelin มันหักล้างกับการลดลงตามอายุ การฝึกฝนทักษะช่วงนี้ทำให้มี Myelin เพิ่มขึ้นก็จริง แต่มันหักล้างกับส่วนที่มันหายไปเนื่องจากอายุที่มากขึ้น ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ในวัยนี้
การฝึกฝนแบบเชิงลึก
ตอนเด็กๆ เราคงอยากให้ทุกอย่างราบรื่น การเรียนในชั้น ทำการบ้าน อยากให้ทุกอย่างมีประสิทธิภาพ อยากให้งานออกมาดีโดยที่ไม่ต้องออกแรง แต่นั่นเป็นวิธีที่แย่ที่สุดในการเรียนรู้
นึกถึงตอนอ่านหนังสือเตรียมสอบ เราคงอยากให้อ่านครั้งเดียวแล้วเข้าใจ หรือหวังว่าเราจะเข้าใจและจำได้ตั้งแต่ครูสอนในชั้นเรียน ไม่จำเป็นต้องอ่านทบทวนอีก
นึกถึงตอนแข่งขันกีฬา เราก็คงอยากให้ตัวเองทำผลงานได้ดีโดยที่ไม่ต้องฝึกซ้อม ชนะได้โดยแทบที่ไม่ต้องออกแรง ไม่ต้องซ้อม
แต่นั่นเป็นวิธีที่แย่ที่สุดในการเรียนรู้
ทักษะคือการหุ้มของเซลล์ Myelin ที่ห่อหุ้มวงจรนิวรอน และมันจะเพิ่มมากขึ้นได้เรื่อยๆ ยิ่งเราใช้เวลาฝึกฝนทักษะได้ถูกต้องมากเท่าไร่ ยิ่งมีทักษะมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้มี Myelin เพิ่มมากขึ้น
Myelin คือเซลล์ที่มีชีวิต ทักษะทุกอย่าง ทุกการเคลื่อนไหว ล้วนเกิดจากวงจรมีชีวิต และทุกๆ วงจรมันสามารถขยายใหญ่มากขึ้นได้
สิ่งที่ทำให้คนที่มีความสามารถพิเศษมีความเชี่ยวชาญ แตกต่างจากคนทั่วไปนั้นคือ ในตอนที่คนเหล่านั้นฝึกฝน สัญญาณจะถูกส่งไปตามสายที่มีแบนด์วิธกว้าง ทำให้สามารถส่งสัญญาณได้ดีมากกว่า
คนเหล่านี้มี Myelin มากกว่าคนทั่วไป นอกจากนั้นยังมี Myelin อยู่ในส่วนที่เหมาะสมในสมองและในกล้ามเนื้อส่วนที่จำเป็น ทำให้คนเหล่านั้นสามารถปรับแต่งวงจรเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
ทักษะความสามารถที่เพิ่มขึ้น เกิดขึ้นจากการที่มี Myelin ห่อหุ้มวงจรนิวรอนและเพิ่มจำนวนขึ้นตามสัญญาณที่ส่งเข้าไปในวงจร
ยิ่งเราฝึกฝนมากเท่าไหร่ สมองจะช่วยเสริมสร้าง Myelin ยิ่งมีมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้เราเรียนรู้ได้เร็วมากขึ้น
สิ่งที่ดูเหมือนอุปสรรคนั้น แท้จริงกลับกลายเป็นสิ่งที่เราจำเป็นในระยะยาว การลงมือทำและพบอุปสรรคครั้งเดียว มีประโยชน์กว่าการมองดูเพียงอย่างเดียวนับร้อยครั้ง
นั่นทำให้การฝึกฝนที่มุ่งเป้าไปที่การทำผิดพลาด เป็นการฝึกที่มีประสิทธิผลมาก การพยายามฝึกฝนพยายามทำเกินความสามารถ ทำให้ทุกครั้งที่ทำผิดพลาด ทุกครั้งที่ติดปัญหา เราถูกบังคับให้ช้าลง เพื่อเรียนรู้และแก้ไขความผิดพลาด ทำให้มีสัญญาณส่งมากขึ้น ทำให้เราฉลาดมากขึ้น
You will become clever through your mistakes.
ปัญหาหรือเป้าหมายที่สูงเกินเอื้อมจึงไม่ใช่สิ่งที่เราควรหลีกเลี่ยง แต่มันเป็นสิ่งจำเป็น และการมีใจรักและความอดทนคือกุญแจสำคัญของพรสวรรค์ เพราะการจะทำให้มี Myelin หุ้มเส้นใยประสาทให้มากนั้น จะต้องอาศัยพลังงานและเวลา ถ้าไม่ใจรักมากพอ ก็คงไม่ทุ่มเทอดทนเพื่อกลายเป็นคนที่สุดยอดมากขึ้น
ช่องว่างระหว่างสิ่งที่รู้และสิ่งที่พยายามจะทำ หาจุดที่เหมาะสมแล้วการเรียนรู้ก็จะเริ่มต้น
เริ่มจากทำความเข้าใจสิ่งที่เรากำลังฝึก เข้าใจเป้าหมาย เข้าใจผลลัพธ์ที่เราอยากให้มันเกิดขึ้น จากนั้นแบ่งการฝึกออกเป็นส่วนเล็กๆ แล้วแยกกันฝึกแต่ละส่วนจนเชี่ยวชาญ จากนั้นเชื่อมโยงทุกส่วนเข้าด้วยกัน
ให้เวลาตัวเองสำหรับฝึกฝน เริ่มต้นจากช้าๆ แล้วจึงค่อยๆ เพิ่มความเร็ว การทำอย่างช้าๆ จะช่วยให้เห็นความผิดพลาดได้ง่ายขึ้น ทำให้แก้ไขและเพิ่มความถูกต้องแม่นยำ
To avoid the mistakes, first, you have to feel them immediately.
จากนั้นจึงฝึกฝนซ้ำไปมา และฝึกซ้ำแบบที่มุ่งข้ามขีดความสามารถของตัวเอง ตั้งเป้าให้สูง ตั้งใจให้ทำพลาด ให้ทำตามนั้นไม่ได้ ตั้งใจให้ติดปัญหาอยู่แบบนั้น ขัดเกลาทักษะโดยการหาทางแก้ให้ได้
Repetition is the mother of skill.
การฝึกฝนแบบเชิงลึกนั้นต้องอาศัยการเรียนรู้จากความผิดพลาด นำความผิดพลาดนั้นมาประเมินและปรับเปลี่ยนวิธีการ เรียนรู้แล้วลองใหม่อีกครั้ง
Operating at the edges of your ability, where you make mistakes — makes you smarter.
องค์ประกอบของพรสวรรค์
ทักษะไม่ได้ขึ้นอยู่กับยีนส์หรือสิ่งแวดล้อมทั้งหมด
เราอาจเคยคิดว่ายีนส์และสิ่งแวดล้อมเป็นตัวกำหนดพรสวรรค์ แต่หลังจากได้รู้จัก Myelin และการฝึกฝนอย่างมุ่งมั่น หวังว่ามันจะมีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ พรสวรรค์นั้น คือผลรวมของการฝึกฝนอย่างทุ่มเท แรงจูงใจ และโค้ชที่เชี่ยวชาญ
แรงจูงใจคือสิ่งที่ทำให้เราทุ่มแทฝึกฝน ส่วนโค้ชคือคนที่รู้ว่าจะดูแลเรายังไง คนที่รู้จักสร้างแรงจูงใจ ให้เรามุ่งมั่นฝึกฝน
การฝึกฝนแบบเชิงลึกนั้น ง่ายๆ คือการแบ่งการฝึกออกให้เป็นส่วนเล็กๆ พิจารณาและเรียนรู้ส่วนเล็กๆ เหล่านั้น จะทำให้เข้าใจได้ลึกซึ้งถึงองค์ประกอบของทักษะ จากนั้นจึงฝึกซ้ำ และทำเกินตัว
Try again. Fail again. Fail better.
การฝึกฝนต้องการเวลา ยิ่งเราฝึกซ้ำ ก็ยิ่งแม่นยำ ยิ่งมี Myelin เยอะ รู้จักไปอย่างช้าๆ การเคลื่อนไหวช้าๆ ทำให้เกิดความแม่นยำมากขึ้น และเห็นสิ่งที่เราทำผิดพลาดได้ดี สิ่งที่ต้องแก้ไข
It’s not how fast you can do it, It’s how slow you can do it correctly.
การทำสิ่งที่รู้อยู่แล้วจะไม่เกิดการพัฒนา ต้องทำสิ่งใหม่ๆ ทำสิ่งที่เกินความสามารถของตัวเอง การทำพลาดเป็นเรื่องยากที่จะให้คนอื่นเข้าใจ แต่มันจำเป็นต่อการเรียนรู้
เราอาจคิดว่าแรงจูงใจ ความสนใจ เกิดขึ้นจากภายในตั้งแต่ตอนเด็กๆ ในช่วงต้นของชีวิต แต่แรงจูงใจที่จะทำให้เกิดความเชี่ยวชาญในทักษะได้นั้น มักเกิดขึ้นจากภายนอก เป็นพลังจากภายนอก
We all need a little motivation to get started.
การที่จะเชี่ยวชาญเรื่องใดนั้น จะต้องผ่านการฝึกฝน เพราะการฝึกนั้นยาก จึงต้องอาศัยแรงจูงใจที่จะพัฒนาตัวเอง แรงจูงใจที่จะกระตุ้นให้เกิดความต้องการ ความอยากที่จะกลายเป็นคนเก่ง และเชื่อว่าจะทำได้ถ้าฝึกฝนมากพอ
ความสำเร็จของคนอื่นก็มีผลต่อแรงจูงใจ เพราะมันแสดงให้เห็นว่า ถ้าคนนั้นทำได้ เราก็ต้องทำได้เช่นกัน
แรงจูงใจนั้น จำเป็นต้องเกิดขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว เพราะ Myelin ต้องการเวลาในการเติบโต ดังนั้นการฝึกฝนจำเป็นต้องอาศัยความพยายามและต้องการเวลานานมาก
Everyone needs a coach.
ไม่ว่าใครก็ต้องการโค้ช ต้องการคนสอน ต้องการคนที่จะคอยฝึกฝน สร้างแรงจูงใจ ผลักดัน สอนและสร้างแรงบันดาลใจ
คนที่คอยให้ข้อมูลที่ถูกต้องว่าจะพัฒนายังไงให้ดีขึ้น ช่วยปรับเปลี่ยน แก้ไขข้อผิดพลาด ทำให้เกิดการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
เด็กๆ หรือคนที่เริ่มต้นนั้นอาจต้องการโค้ชที่สร้างแรงจูงใจก่อน โค้ชที่เป็นกันเอง ทำให้รู้สึกดีกับตัวเอง ให้รางวัลแลกกับการฝึกหนัก กระตุ้นให้เพิ่มความกล้า ให้เรียนรู้ ส่วนการโค้ชแบบเชิงลึกนั้น ควรทำหลังจากที่มีทักษะและมีแรงจูงใจอยู่บ้างแล้ว
โค้ชจะต้องเข้าใจและเข้าถึงการฝึกฝนแบบเชิงลึกและสร้างแรงจูงใจ สามารถเชื่อมโยงเข้ากับเทคนิคความรู้ที่จำเป็นสำหรับแต่ละคน เป้าหมายของโค้ชนั้นคือการช่วยเหลือให้คนฝึกเข้าถึงสภาวะของการฝึกฝนแบบเชิงลึก
สำหรับคนที่ทำถูกต้องแต่ขาดพลัง โค้ชก็ต้องตะโกนเสียงดัง ใช้คำสั่งตรงไปตรงมา ตรงข้ามกับคนที่ขี้อาย ขาดความมั่นใจในตัวเอง ก็ต้องการโค้ชคอยแนะนำชี้แนวทาง
ข้อมูลที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการฝึกแบบเชิงลึก เพราะการทำตามคำสั่ง การฝึกฝนที่สอดคล้องกัน จะทำให้มี Myelin มากขึ้น หากไม่มีคำสั่งที่ชัดเจนเข้าใจได้ง่าย ก็ไม่อาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการได้
พรสวรรค์เกิดจาก Myelin ที่หุ้มรอบๆ วงจรประสาท การจะกระตุ้นให้สร้าง Myelin ได้นั้น เราจะต้องฝึกฝนให้เกินขีดความสามารถของตัวเอง มุ่งทำให้เกิดความผิดพลาดและแก้ไขมัน พรสวรรค์สร้างขึ้นได้จากการหมั่นฝึกฝนจากแรงจูงใจและโค้ชที่เชี่ยวชาญ
ถ้าต้องการมีทักษะความสามารถ ก็อย่าอายเมื่อทำผิด แต่สนใจที่จะแก้ไขความผิดพลาดนั้นแล้วพัฒนา ปรับปรุงตัวเอง อย่าฝึกแต่เรื่องเดิมๆ ที่คุ้นเคย แต่ให้เปลี่ยนแนว เปลี่ยนรูปแบบใหม่ๆ
ทำผิดพลาดให้มากๆ ฟังดูไม่ใช่เรื่องดี แต่ผลลัพธ์มันจะออกมาดีแน่นอน