โปรแกรมเมอร์และนักเคลื่อนไหวทางสังคม

Aaron Swartz โปรแกรมเมอร์ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมหลายด้าน เช่น การเข้าถึงข้อมูลและใช้งาน Internet การเมือง และการศึกษา เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Demand Progress เป็นคนที่ช่วยร่าง Creative Commons ตอนเด็กๆ เคยช่วยสร้างระบบแชร์ข้อมูล RSS และเป็นหนึ่งในคนที่พัฒนาเว็บข่าว Reddit

เราสนใจมุมมองของ Aaron Swartz ที่มีต่อ Internet และการศึกษา ส่วนเรื่องการเมืองและสื่อในอเมริกาเป็นเรื่องไกลตัวเรามากไป ใช้กับบ้านเมืองเราไม่ได้

Internet

Internet ช่วยทำให้เกิดความร่วมมือกันในระดับใหญ่ ทำให้การแชร์ข้อมูลเป็นเรื่องง่าย และทำให้ผู้คนเคลื่อนไหวได้เร็ว เช่นกรณีของ SOPA ที่ทุกคนต่างช่วยกันให้ความรู้ แชร์ข้อมูลผลกระทบของมัน บางเว็บถึงกับปิดตัวลงเพื่อประท้วง

Aaron Swartz มองว่าการดาวน์โหลดข้อมูลต่างจากการขโมยของ เพราะเราดาวน์โหลดเพลงมาฟัง เพลงก็ยังอยู่ในระบบและคนอื่นก็ยังสามารถดาวน์โหลดได้อีก เราทุกคนควรจะเข้าถึงข้อมูลได้อิสระ ไอเดียไม่ใช่สิ่งของที่คนใดคนหนึ่งครอบครอง แต่เราต้องหาทางทำให้มั่นใจได้ว่าคนที่สร้างข้อมูลได้รับผลตอบแทน

การสร้างและปล่อยผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ยังไม่สมบูรณ์ออกมาให้ใช้งานก่อน เพื่อรับ Feedback และนำไปปรับปรุงทีหลัง เป็นไอเดียที่ใช้งานได้ดีโดยเฉพาะ Open Source Software ที่โปรแกรมเมอร์หรือคนในชุมชนสามารถเข้าไปช่วยพัฒนาได้

Be conservative in what you send, be liberal in what you accept

พูดถึงกฏของ Postel’s law ถ้าเราเป็นฝ่ายรับข้อมูล เราก็ควรเปิดรับได้หลากหลายรูปแบบ แต่ถ้าเราเป็นฝ่ายส่งข้อมูล เราก็ควรต้องทำตามกฏอย่างเคร่งครัด ไม่มีข้อยกเว้น ถ้าอยากจะทำให้เกิด Interoperability ขึ้น

เราสามารถนำกฏนี้ไปใช้กับเรื่องอื่นได้ด้วย เพราะมันค่อนข้างจะเข้าใจได้ง่ายๆ ถ้าเราเป็นฝ่ายรับฟัง ถึงแม้คนพูดจะพูดไม่ชัด ไม่เคลียร์  เราก็ควรมีทักษะการรับฟังเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่า เรารับสารและสื่อความหมายได้ แต่ถ้าเราเป็นฝ่ายพูด เราก็ควรพูดให้ชัดและเคลียร์ ทำให้คนฟังเข้าใจได้ง่ายๆ

การเรียนการสอน

เด็กทุกคนเกิดมาพร้อมกับสัญชาตญาณการเรียนรู้ เด็กทารกมองหน้าผู้ใหญ่ เรียนรู้รูปแบบและพยายามเข้าใจการทำงานของวัตถุต่างๆ ทำให้เด็กๆ ต้องถามตลอดเวลา ชอบรื้อชิ้นส่วนของเล่นและพยายามประกอบใหม่

แต่เมื่อถึงเวลาต้องไปโรงเรียน ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป พ่อแม่ผู้ปกครองต่างก็ทำลายความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ของเด็ก โดยการส่งลูกไปโรงเรียนเพื่อจำกัดความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก ปิดกั้นความสามารถในการเรียนรู้ เด็กต้องนั่งฟังครูพูดอยู่ในห้องเรียน ถ้าเด็กไม่เบื่อ ก็กลัวว่าจะโดนเรียกให้ตอบคำถามที่ไม่รู้คำตอบ การเรียนการสอนที่โรงเรียน ทำให้เด็กเกิดความกลัวและกังวลอย่างต่อเนื่อง จนถึงระดับมหาวิทยาลัย

โรงเรียนไม่ได้มีไว้เพื่อสอนคน แต่มีไว้เพื่อผลิตแรงงานป้อนเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 19 ดังนั้นเด็กๆ จะต้องมีวินัยและรับฟังข้อมูลอย่างเงียบๆ

การเรียนการสอนแบบโฮมสคูล (Homeschooling) มันดีตรงที่เราไม่ได้บังคับเด็กให้เรียนในสิ่งที่เค้าไม่สนใจ แต่พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องตามเด็ก และสนับสนุนเต็มที่ไม่ว่าเด็กจะสนใจเรียนเรื่องอะไรก็ตาม

Aaron Swartz เป็นทั้งโปรแกรมเมอร์และนักเคลื่อนไหวทางสังคม เป็นคนที่มีทักษะรอบด้าน สนใจเรื่องสื่อ การเมือง การศึกษา พยายามทำให้คนเข้าถึงข้อมูลบน Internet ได้อย่างอิสระ เป็นคนที่น่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างในโลกนี้ได้ แต่น่าเสียดายที่ต้องจบชีวิตก่อนวัยอันควร

Like what you read? Please share it with your friends so we can get their thoughts!