
คนฉลาดบางคน บางครั้งก็ตัดสินใจผิดพลาดได้ พฤติกรรมนี้ทำให้เรารู้ว่า IQ ไม่สามารถใช้บ่งบอกความสามารถในการคิดได้ครบทั้งหมด เช่น ความสามารถในการคิดหรือทำอย่างมีเหตุผล หรือความสามารถในการหาข้อสรุปที่ถูกต้อง
แปลงจากบทความที่น่าสนใจ แมกกาซีน Scientifica Merican เรื่อง Rational and Irrational Thought: The Thinking That IQ Tests Miss
Dysrationalia
เราอาจจะคิดว่าความฉลาดกับความมีเหตุมีผลมันต้องไปด้วยกัน คนฉลาดจะต้องเป็นคนมีเหตุผล มี Logic ที่ดี แต่ความจริงก็คือคนฉลาดก็อาจทำเรื่องโง่ๆ ได้เช่นกัน
Dysrationalia คือการขาดความสามารถในการคิดหรือทำอย่างมีเหตุผล ขาดความสามารถในการหาข้อสรุปที่ถูกต้อง แม้ว่าจะเป็นคนฉลาด
ในปัจจุบันเราได้รับข่าวสารมากมาย แต่ถ้าใจเราแคบ คิดหรือมองแค่มุมเดียว หรือไม่ยอมใช้ความคิดแต่เอาง่ายไว้ก่อน การใช้โหมด Default มันจะทำให้เราเข้าใจข้อมูลผิด ไม่รับฟังคำเตือน ทำให้เราไม่รู้จักประเมินความเสี่ยงและตัดสินใจผิดพลาดได้ง่ายๆ
การตัดสินใจผิดพลาดอาจทำให้เกิดผลเสียหายได้มากมาย ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้นราจึงต้องรู้จักคิด และรู้ตัวว่า ถึงแม้ว่าเราจะฉลาด แต่บางครั้งเราก็ยังทำเรื่องโง่ๆ ได้เช่นกัน
Cognitive miser
กระบวนการคิดของคนมีหลายแบบ แต่ละแบบมีความแตกต่างกัน เช่น
- การแก้ไขปัญหาที่ต้องใช้พลังคำนวณมาก ต้องการความแม่นยำสูง ต้องตั้งใจมาก ใช้เวลานาน ทำให้มีโอกาสมากที่จะไปรบกวนหรือถูกรบกวนจากการคิดอย่างอื่น
- การแก้ไขปัญหาที่ไม่ต้องใช้พลังคำนวณมาก ทำได้เร็ว ไม่ใช้เวลานาน ไม่ต้องตั้งใจมาก ทำให้ไม่ไปรบกวนงานคิดอย่างอื่น
เมื่อเทียบกับน้ำหนักตัวแล้ว สมองของเราใช้พลังงานเยอะมาก สมองมีน้ำหนักแค่ 2% แต่ใช้พลังงานมากถึง 20% นั่นทำให้สมองต้องใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน
Cognitive miser คือการที่เรามักจะใช้วิธีที่ง่ายในการแก้ปัญหา ถึงแม้ว่าเราจะฉลาดมากแค่ไหนก็ตาม เราก็มักจะเลือกทางที่ง่าย ที่ไม่ต้องคิดหรือพยายามมากไว้ก่อน ถึงแม้ว่าทางที่เราเลือกนั้นมันจะมีความแม่นยำน้อยกว่าก็ตาม
ถ้าอยากรู้ว่าเราเป็นคน คิดเหนียว หรือเปล่า (Cognitive miser ขี้เหนียวในความคิด) ลองทำแบบทดสอบเหล่านี้ ลองพยายามหาคำตอบก่อนที่จะอ่านคำอธิบาย
แบบทดสอบของ Hector Levesque, Computer scientist, University of Toronto
แจ๊คกำลังมองไปที่แอน แต่แอนกำลังมองไปที่จอร์จ แจ๊คแต่งงานแล้ว แต่จอร์จยังไม่แต่งงาน ถามว่า ในนี้มีคนแต่งงานแล้วกำลังมองไปที่คนยังไม่แต่งใช่หรือไม่?
A) ใช่ B) ไม่ใช่ C) ไม่สามารถบอกได้
มีคนมากกว่า 80% ที่เลือก C แต่คำตอบที่ถูกต้องคือ A แอนคือคนเดียวที่เราไม่รู้สถานะ การที่เราจะสรุปได้ถูกต้อง เราต้องพิจารณาความเป็นไปได้ทั้งหมดของสถานะของแอน แอนยังไม่แต่งงาน และแอนแต่งงานแล้ว
ถ้าแอนแต่งงานแล้ว คำตอบก็คือ A เพราะ แอนคือคนที่แต่งงานแล้ว กำลังมองไปที่คนยังไม่แต่ง ส่วนถ้าแอนยังไม่แต่งงาน คำตอบก็คือ A เพราะแจ๊คเป็นคนที่แต่งงานแล้ว กำลังมองไปที่คนยังไม่แต่ง
กระบวนการคิดแบบนี้เรียกว่า Fully Disjunctive Reasoning คือการใช้เหตุผลแบบพิจารณาความเป็นไปได้ทั้งหมด ข้อมูลที่ให้มามันดูเหมือนยังไม่เพียงพอให้เราตัดสินใจ การคิดเหนียวทำให้เราตัดสินใจผิด คิดว่า C คือคำตอบ โดยที่ไม่ได้คิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดก่อน
คนส่วนใหญ่มีความสามารถในการคิดพิจารณาความเป็นไปได้ทั้งหมด เราจะใช้มันถ้ามีการบอกไว้อย่างชัดเจนว่าต้องใช้ หรือถ้าไม่มี C ให้เลือก
ตอบผิดไม่ได้แปลว่าเราไม่ฉลาด หรือมี IQ ต่ำ และยังมีแบบทดสอบอันต่อไปให้ทำ
แบบทดสอบของ Daniel Kahneman และ Shane Frederick
ไม้ตีเบสบอลและลูกเบสบอลราคารวมกันเท่ากับ $1.10 ไม้ตีเบสบอลราคามากกว่าลูกเบสบอล $1 ถามว่า ลูกเบสบอลราคาเท่าไหร่?
คนส่วนใหญ่ตอบได้ทันทีว่าลูกเบสบอลราคา $0.10 แต่ถ้าคิดมากกว่านั้น เราจะรู้ว่าคำตอบนั้นมันไม่ถูกต้อง เพราะไม้ตีเบสบอลมันจะต้องมีราคา $1.10 และทำให้ราคารวมเท่ากับ $1.20
สิ่งที่เค้าพบคือ แม้กระทั่งนักศึกษาจาก Massachusetts Institute of Technology, Princeton และ Harvard ก็ยังคิดเหนียวเหมือนกับคนทั่วไป
คำตอบที่ถูกคือลูกเบสบอลราคา $0.05 ตอบผิดไม่ได้แปลว่าเราไม่ฉลาด หรือมี IQ ต่ำ
แบบทดสอบของ Keith Stanovich และ Richard West
การคิดเหนียวอีกแบบคือ My-side bias คือการที่เรามักจะใช้เหตุผลเข้าข้างตัวเอง การทดลองของ Keith Stanovich และ Richard West ที่ใช้คำถามต่อไปนี้ ถามผู้เข้าร่วมการทดลองกลุ่มที่ 1
สมมติว่ากระทรวงคมนาคมของสหรัฐพบว่า รถยนต์เยอรมันยี่ห้อหนึ่งมีโอกาสมากกว่ารถบ้านทั่วไปถึง 8 เท่า ที่จะทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิตในรถอีกคันที่ชนกัน รัฐบาลจึงออกกฏห้ามขายและใช้รถเยอรมันยี่ห้อนั้น ถามว่า รัฐบาลควรห้ามขายรถเยอรมันยี่ห้อนั้นหรือไม่? และ รถยนต์เยอรมันยี่ห้อนั้นควรถูกแบนห้ามวิ่งบนถนนในสหรัฐหรือไม่?
หลังจากนั้นเค้าใช้คำถามคล้ายกันถามผู้เข้าร่วมการทดลองกลุ่มที่ 2 แต่ต่างกันตรงที่เปลี่ยนยี่ห้อรถยนต์ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย เปลี่ยนจากรถเยอรมันเป็นรถอเมริกัน
สมมติว่ากระทรวงคมนาคมของเยอรมันพบว่า รถ Ford Explorer มีโอกาสมากกว่ารถบ้านทั่วไปถึง 8 เท่า ที่จะทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิตในรถอีกคันที่ชนกัน รัฐบาลจึงออกกฏห้ามขายและใช้รถ Ford Explorer ถามว่า รัฐบาลควรห้ามขายรถ Ford Explorer หรือไม่? และ รถ Ford Explorer ควรถูกแบนห้ามวิ่งบนถนนในเยอรมันหรือไม่?
ในบรรดาคนอเมริกันที่เข้าร่วมการทดลอง พบว่าเห็นด้วยที่จะแบนรถยนต์เยอรมันที่ก่อความเสียหายในสหรัฐ โดยเห็นด้วยกับการห้ามขายรถ 78.4% และเห็นด้วยกับการห้ามใช้รถ 73.7% แต่สำหรับกลุ่มคนที่ถูกถามด้วยคำถามที่ 2 พบว่าเห็นด้วยที่จะห้ามขายรถยนต์อเมริกัน 51.4% และเห็นด้วยกับการห้ามใช้รถ 39.2%
มีความแตกต่างอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าความปลอดภัยของรถยนต์จะน้อยพอกัน
การทดลองนี้ทำให้พบว่า เรามักจะประเมินสถานการณ์จากมุมมองของตนเอง เราให้น้ำหนักกับหลักฐานและตัดสินใจด้วยความลำเอียง การเข้าข้างตัวเองมักจะทำให้เกิดความผิดพลาดในการคิดและตัดสินใจ ซึ่งไม่เกี่ยวว่าเราจะฉลาดหรือไม่ก็ตาม
แบบทดสอบ The Mindware Gap
Mindware ใช้อ้างถึง กฏ ข้อมูล ขั้นตอน วิธีการ และเครื่องมือในการคิดอื่นๆ (ความน่าจะเป็น การใช้เหตุผลและการสรุปทางวิทยาศาสตร์) ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคิดและใช้เหตุผลได้อย่างถูกต้อง ความไม่รู้ทำให้เกิดช่องว่าง Mindware gap และเป็นสิ่งที่ไม่สามารถบอกได้จากการทดสอบ IQ
แบบทดสอบต่อไปนี้เป็นการทดสอบความรู้เรื่องความน่าจะเป็น ลองพยายามหาคำตอบก่อนที่จะอ่านคำอธิบาย
สมมติว่า XYZ เป็นไวัสอันตรายที่กระทบกับคน 1 ใน 1000 คน สมมติอีกว่าการตรวจเชื้อไวรัสบอกได้อย่างถูกต้องว่าคนที่ติดเชื้อ มีเชื้อไวรัสจริงๆ สุดท้ายสมมติว่าการตรวจนั้นมีความผิดพลาดอยู่บ้าง โดยบอกว่าคนปกติติดเชื้อไวรัส (False positive) การตรวจมีความผิดพลาด 5% นั่นคือผลการตรวจจะบอกว่าติดเชื้อไวรัส 5% โดยที่คนเหล่านั้นไม่มีเชื้อไวรัสอยู่จริง
จากนั้นสุ่มเลือกมา 1 คน เพื่อตรวจเชื้อไวรัส และผลการตรวจก็พบว่าคนนั้นมีเชื้อไวรัส XYZ สมมติว่าเราไม่รู้ประวัติการรักษาพยาบาลของคนนั้นเลย ถามว่า เปอร์เซ็นต์ความน่าจะเป็น (0-100) ที่คนนั้นจะมีเชื้อไวรัส XYZ อยู่จริง เป็นเท่าไหร่?
คนส่วนใหญ่ตอบว่า 95% ซึ่งเป็นคำตอบที่ผิด เรามักจะไม่สนใจประโยคแรกที่บอกว่า มีเพียง 1 ใน 1000 คนเท่านั้น ที่จะมีเชื้อไวรัสอยู่จริง ทำให้มีประมาณ 50 คน ที่จะได้ผลตรวจผิดพลาดว่าติดเชื้อไวรัส ดังนั้นจะมีประมาณ 51 คนที่ได้รับผลตรวจว่าติดเชื้อไวรัส แต่ในนั้นมีคนที่มีเชื้อไวรัสอยู่จริง แค่ 1 คน นั่นคือประมาณ 2%
อีกรูปแบบหนึ่งของ Mindware ที่ไม่สามารถบอกได้จากการทดสอบ IQ นั่นคือความสามารถในการคิดแบบวิทยาศาสตร์ ลองทำแบบทดสอบอันต่อไป
การทดลองเพื่อหาค่าประสิทธิผลของการรักษาโรค สรุปได้จากตารางดังต่อไปนี้
อาการดีขึ้น | อาการไม่ดีขึ้น | |
ได้รับการรักษา | 200 | 75 |
ไม่ได้รับการรักษา | 50 | 15 |
จะเห็นว่ามีผู้ป่วยจำนวน 200 คนที่ทดลองรับการรักษาและอาการดีขึ้น และมีผู้ป่วยจำนวน 75 คนที่ทดลองรับการรักษาแต่อาการไม่ดีขึ้น ส่วนผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษาจำนวน 50 คนอาการดีขึ้น และมีผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษา 15 คนอาการไม่ดีขึ้น
ถามว่า การรักษา มีประสิทธิผล (ได้ผล) หรือไม่?
คนส่วนใหญ่ตอบว่าได้ผล เพราะดูจากจำนวนผู้ป่วยที่มีค่ามาก (200 คน) ที่อาการดีขึ้น และมากกว่าจำนวนผู้ป่วยที่อาการไม่ดีขึ้น (75 คน) และเพราะว่าความน่าจะเป็นของผลการรักษามันสูง (200/275 = 0.727) จึงทำให้เราคิดว่าการรักษานี้ได้ผล
แต่เราลืมคิดถึงกลุ่มควบคุมหรือกลุ่มที่ไม่ได้รับการรักษา ซึ่งอาการดีขึ้นถึงแม้ว่าไม่ได้รับการรักษา 50 คน จากทั้งหมด 65 คน นั่นคือ 0.769 ซึ่งมากกว่ากลุ่มทดลองรับการรักษา นั่นหมายความว่า การรักษาไม่ได้ผล
ตอบผิดไม่ได้แปลว่าเราไม่ฉลาด หรือมี IQ ต่ำ
อีกรูปแบบหนึ่งของ Mindware ที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบสมมติฐาน (Hypothesis testing) ลองทำแบบทดสอบอันต่อไป
A | K | 8 | 5 |
มีไพ่ 4 ใบวางบนโต๊ะ ไพ่แต่ละใบจะมีตัวอักษรและตัวเลขอยู่คนละด้าน มีไพ่ 2 ใบที่หงายด้านตัวอักษรขึ้น และมีไพ่ 2 ใบที่หงายด้านตัวเลขขึ้น กฏบอกว่า สำหรับไพ่ทั้ง 4 ใบนี้ ถ้าไพ่ใบไหนที่มีด้านตัวอักษรเป็นสระ อีกด้านของไพ่ใบนั้นจะเป็นเลขคู่
ถามว่า ถ้าเราอยากรู้ว่ากฏนี้เป็นจริงหรือไม่ เราต้องเปิดดูไพ่กี่ใบ ใบไหนบ้าง?
คนส่วนใหญ่ตอบผิด มีคนประมาณ 40% เลือกที่จะเปิดไพ่ที่มีตัวอักษร A และไพ่ที่มีเลข 8 เพื่อดูว่าด้านหลังของ A เป็นเลขคู่หรือไม่ และเพื่อดูว่าด้านหลังเลข 8 เป็นสระหรือไม่
อีกประมาณ 20% ที่เลือกเปิดไพ่ที่มีตัวอักษร A ใบเดียว และอีกประมาณ 20% ที่เลือกเปิดไพ่แบบอื่นๆ นั่นคือมีคน 90% ที่ตอบผิด
เปิดไพ่ A –> ถ้าด้านหลังเป็นเลขคี่ กฏนี้ไม่เป็นจริง ถ้าด้านหลังเป็นเลขคู่ ก็จะสนับสนุนกฏ แต่ยังยืนยันไม่ได้
เปิดไพ่ K –> ไม่จำเป็นเพราะกฏไม่ได้สนใจพยัญชนะ
เปิดไพ่ 8 –> ไม่ว่าด้านหลังจะเป็นพยัญชนะหรือสระก็ไม่สำคัญ
เปิดไพ่ 5 –> ถ้าด้านหลังเป็นสระ กฏนี้ไม่เป็นจริง
ตอนที่เราต้องพิสูจน์ว่าสิ่งนี้จริงหรือไม่จริง เรามักจะสนใจแต่การพิสูจน์ว่ามันจริง และมองข้ามการพิสูจน์ว่ามันไม่จริง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนจึงเลือกเปิดไพ่ที่มีเลข 8 เพราะต้องการพิสูจน์ว่าด้านหลังมันเป็นสระ และเลือกเปิดไพ่ที่มีตัวอักษร A เพื่อดูว่าด้านหลังมันเป็นเลขคู่
ถ้าเราคิดแบบวิทยาศาสตร์ เราจะต้องหาทางพิสูจน์ด้วยว่ากฏไม่เป็นจริง การเปิดไพ่ที่มีเลข 5 ที่อาจจะทำให้เราพิสูจน์ได้ว่ากฏไม่เป็นจริง แต่การคิดแบบนี้ การหาหลักฐานเพื่อยืนยันว่าสิ่งนี้ไม่เป็นจริง เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ ฝึกให้คิดจนกลายเป็นนิสัย
สรุป
เราจะเห็นได้ว่าการคิดแบบมีเหตุผลไม่ได้เกี่ยวข้องกับความฉลาด คนที่ฉลาดมี IQ สูง ก็ยังอาจมีปัญหา และคิดเหนียว ได้เช่นเดียวกับคนทั่วไป
เช่นเดียวกัน ถ้าเรามีปัญหาเรื่องการคิดแบบมีเหตุมีผล ก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่ฉลาด แต่เราอาจขาดความรู้หรือเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการตัดสินใจ หรือเราต้องเรียนและฝึกคิดแบบวิทยาศาสตร์จนกลายเป็นนิสัย
Reference
Rational and Irrational Thought: The Thinking That IQ Tests Miss